นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย แนะ 5 แนวทางรับมือโลกการตลาดที่เปลี่ยนไป
19 Sep 2024
 

"ท่ามกลางความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี นักการตลาดต้องปรับตัวตาม Megatrend ตลอดมาตั้งแต่ยุคเก่าที่เน้นภาคการผลิต จนมายังยุคปัจจุบันที่ดิจิทัลและ new media เข้ามามีบทบาท และต้องมองไปข้างหน้าสู่ยุคที่มุ่งเน้นปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีสะอาด หุ่นยนต์ ในส่วนของช่องทางการตลาดเองก็เปลี่ยนผ่านจากตลาดที่เน้นปฏิสัมพันธ์แบบพบหน้า (Physical) มายังช่องทางการตลาดดิจิทัล (Digital) ในอนาคตก็จะกลายเป็นตลาดแบบหลอมรวม (Immersive)”


 

นี่คือคำกล่าวของ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย Marketing Association of Thailand (MAT) ที่เกริ่นนำถึงแนวทางการรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นในบ้านเรา อันเนื่องมาจากผลพวงของการเปลี่ยนแปลงของโลกการตลาด

เขาบอกว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องมีการเร่งปรับตัวเพื่อให้ทันกับสิ่งที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นส่วนสำคัญของการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจบ้านเรา เพราะมีสัดส่วนถึง 35% ของระบบเศรษฐกิจ ต้องยิ่งเร่งปรับตัว โดยเฉพาะกับการปรับให้ทันกับเมกะเทรนด์ของธุรกิจ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

 

“อุตสาหกรรมที่เป็นแมส จะต้องมีการมองถึงการ Fragmentation มากขึ้น ไม่ใช่เป็นการทำตลาดแบบแมสอีกต่อไป ขณะเดียวกันก็ต้องมองถึงเรื่องการผลิตที่พึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Iot หรือ AI มากขึ้น”

 

 

ส่วนการทำธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจนั้น นายกสมาคมการตลาดมองว่า ต้องให้ความสำคัญกับ 5 เรื่องหลักๆ ไล่เรียงตั้งแต่

  1. การสร้างกำลังใจและข่าวดี ส่งเสริมความร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในวงการธุรกิจ
  2. สนับสนุน Green ที่เป็นของจริง ไม่ใช่จำแลง ผลักดันแนวคิด Sustainability และ Responsible Marketing อย่างจริงจัง
  3. สังเคราะห์ AI เพื่อความเท่าเทียม ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างโอกาสและการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม
  4. ส่งเสริม SMEs ให้มี Own Channel Own Content เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับ SMEs ไทย
  5. สะสมความชำนาญและประสบการณ์ในตลาดเอเชีย (Asia Mastery) มุ่งเน้นการเข้าใจและเจาะตลาดเอเชียซึ่งกำลังเป็น Hub ของหลายอุตสาหกรรม

 

“เอเซีย จะเป็นฐานที่สำคัญในอนาคตอันใกล้ เพราะนอกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ต่างจากในยุโรปและอเมริกาแล้ว อย่างกัมพูชา จีดีพีของเขาโตเกิน 5% มาหลายปีแล้ว ทำให้ต้องเร่งทำความเข้าใจถึงความต้องการของคนในประเทศเหล่านั้น เพื่อผลิตสินค้าได้ตรงกับความต้องการของตลาด”

 

ขณะที่กลยุทธ์สำคัญสำหรับ SMEs ไทย ในการเร่งเครื่องสู่ความสำเร็จท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ภายใต้แนวคิด ‘A-B-C-D-E 5 คันเร่งการตลาดสำหรับ SMEs’ ซึ่งเป็นมุมมองที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน นั่นคือ

  • A - Asia Market: มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดเอเชียที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะอาเซียน จีน และอินเดีย ผ่านช่องทาง e-commerce และการสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • B - Branding: สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งโดยเน้นการสร้างมูลค่าและคุณค่าที่แตกต่าง มุ่งเน้นการสร้างกำไรจากลูกค้าที่เห็นคุณค่าแบรนด์มากกว่าการเน้นยอดขายเพียงอย่างเดียว
  • C - Collaboration: ส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน
  • D - Digital: นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวของ SMEs ในการทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ
  • E - Equity: ความถูกต้อง การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความถูกต้อง เช่น ความรับผิดชอบต่อลูกค้าและสังคม การใช้ระบบบัญชีเดียว เพื่อความโปร่งใสและการเติบโตในอนาคต การดำเนินธุรกิจที่ในระยะยาวต้องสามารถสร้างกำไรได้ ไม่ใช่การเติบโตบนฐานของยอดขายจากการตัดราคา

 

โดยในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ SMEs ไทยจำเป็นต้องปรับตัวและมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ แนวคิด A-B-C-D-E 5 คันเร่งการตลาดสำหรับ SMEs นี้จะเป็นเข็มทิศสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับลูกค้า มากกว่าการแข่งขันด้านราคา ซึ่งจะช่วยให้ SMEs สามารถสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว

 

 

“หากผู้ประกอบการ SMEs ต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ต้องเข้าใจด้วยว่า บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เขาจะโฟกัสที่การเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งเป็ภาระกิจสำคัญของเขา ขณะที่ SMEs หลังจากนี้ไป ควรต้องหันมาโฟกัสที่การทำกำไรมากกว่าเรื่องของจำนวนลูกค้า นั่นคือ เน้นไปที่การทำกำมากกว่าการเติบโตของยอดขาย เพราะแม้ว่าจะมีการเติบโตของยอดขายที่ดี แต่หากกำไรมีออกมาน้อย ก็ไม่ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจเท่าไรนัก”

 

นายกสมาคมการตลาด ยังเสริมอีกว่า ผู้ประกอบการ SMEs ควรจะต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุน เพื่อให้สามารถทำกำไรได้มากขึ้น โดยมองว่า การทำตลาดในประเทศในครึ่งปีหลังนี้ จะยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะฉะนั้นแล้ว จึงต้องมีการนำเรื่องของ Emotional Marketing เข้ามาใช้ในการทำตลาดเพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อ

 

“ขณะเดียวกัน ในแง่ของตัวผู้บริโภคเอง สิ่งที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงก็คือ พวกเขาจะฉลาดขึ้น รวมถึงฉลาดที่จะเลือกสินค้าที่ยืนเคียงข้างพวกเขาอย่างจริงใจ โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ ลอยัลตี้ หรือความจงรักภักดีต่อแบรนด์จะมีลดลง เพราะฉะนั้นแล้ว นักการตลาดต้องมีการทำการบ้านที่หนักขึ้น เพื่อตามให้ทันในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้”


บทความจากนิตยสาร MarketPlus 168 July 2024

[อ่าน 35,938]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฐาปน สิริวัฒนภักดี ‘PASSION 2030’ ความท้ายของ ‘ไทยเบฟ’ ในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอาเซียน
“อรนาฎ นชะพงษ์” เปิดแนวคิดการสร้างแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิต สู่การเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในด้านความ “ใส่ใจ”
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ กับแผน 9 ปีดุสิตธานี เตรียม “ปลดล็อคมูลค่า” พร้อมเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยว
“โรงพยาบาลธีรพร” ชูแนวคิด “เกิดสวย อยู่สวย จากสวย” เดินหน้ารุกตลาดศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า 76,000 ล้าน
เจาะกลยุทธ์ กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ของ ททท. กับ อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ
เปิดวิสัยทัศน์ ‘ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร’ พร้อมปั้น BAM ให้เป็น Business Recycling Machine
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved