ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงร้อยละ 0.9 ของโลก แต่กลับติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศแรกที่จะได้รับผลกระทบสูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว ซึ่งหมายถึงความสูญเสียทางทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทย...องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ในฐานะผู้ก่อตั้งเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนต่างๆ จึงได้จัดการประเมินและจัดอันดับ รับรององค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก ประจำปี 2567 หรือ Climate Action Leading Organization (CALO) ซึ่งทรู คอร์ปอเรชั่น เทคคอมปานีไทย ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ CALO ในระดับยอดเยี่ยมซึ่งเป็นระดับสูงสุด สามารถผ่านเกณฑ์การประเมินอันครบถ้วนใน 3 มิติสำคัญของอบก. ได้แก่
1. การตรวจวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการประกอบกิจการของตนเอง โดยทรู คอร์ปอเรชั่น มีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนที่ชัดเจน ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 12.7% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของ Science Based Targets initiative (SBTi) ที่ 12.6%
2. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยตนเองให้มากที่สุดตามความเหมาะสม
3. การชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคงเหลือด้วยคาร์บอนเครดิต โดยทรู ให้การสนับสนุนกลไกราคาตลาดคาร์บอน ซึ่งในปี 2566 ทรู ชดเชยการใช้พลังงานช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 154,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าหลักตั้งเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero สอดคล้องกับเป้าหมายของทรู รวมถึงรณรงค์ให้พนักงานร่วมโครงการ อาทิ Car Free Day เปลี่ยนการเดินทางมาใช้รถสาธารณะ และงดการใช้ Single-Use Plastic ตลอดจนจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์
จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า
“ทรู คอร์ปอเรชั่น เทคคอมปานีไทย มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางแห่งความยั่งยืนครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้บริหารทรู ได้กำหนดนโยบายอย่างชัดเจน พร้อมให้ดำเนินงานโครงการครอบคลุมทุกด้าน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจลดการปล่อยคาร์บอน ทั้งในส่วนที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานใน Scope 1 และ Scope 2 รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน หรือใน Scope 3 อีกด้วย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2573 และองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593”