ในปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ความจำเป็นในการดูแลผู้สูงวัยในครอบครัวจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องใส่ใจ โดยเฉพาะการทำความเข้าใจช่องว่างระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในงานเสวนา “วางแผนวัยชะ-รา-ล่า” ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX2024) ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ในงานนี้มีผู้เข้าร่วมเสวนาที่น่าสนใจ ได้แก่ นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู้สูงอายุ Cheery Home International และนายกสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย รวมถึง คุณทศพล ทิพย์ทินกร นักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีประสบการณ์ตรงในการดูแลอาม่าของตัวเอง ทั้งสองท่านได้แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัวในการดูแลญาติผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมตัวดูแลและวางแผนชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุในครอบครัว
นพ.เก่งพงศ์ ได้เล่าถึงการดูแลอาม่าของตนเองที่ชื่อ “อึ้งศรี แซ่ตั้ง” ซึ่งมีอายุถึง 104 ปีก่อนจะจากไปเมื่อไม่นานมานี้ การดูแลอาม่าในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากสำหรับครอบครัว การมีปัญหาเรื่องใครจะเป็นผู้ดูแลอาม่าเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเผชิญ นี่เป็นแรงบันดาลใจให้ นพ.เก่งพงศ์ก่อตั้งโรงพยาบาลผู้สูงอายุเพื่อแก้ปัญหานี้ให้กับครอบครัวอื่น ๆ
คุณทศพล ทิพย์ทินกร ได้กล่าวถึงการดูแลอาม่าของตนเองที่เคยขายโจ๊กในตลาดและมีอาการป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ เขาได้เล่าว่าการดูแลอาม่าในช่วงสุดท้ายทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของการใส่ใจทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอาม่าได้อย่างลึกซึ้ง
ทั้งสองท่านยังได้เน้นถึงปัญหาของช่องว่างระหว่างวัยและความท้าทายทางวัฒนธรรมในการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในครอบครัวคนจีน ที่ผู้สูงอายุไม่ค่อยบอกปัญหาสุขภาพกับลูกหลานเพราะกลัวว่าจะทำให้เป็นภาระ คุณทศพลเล่าว่า อาม่าของเขามีอาการปวดท้องเรื้อรังมาหลายปี แต่ไม่เคยบอกใคร เพราะกลัวว่าลูกหลานจะลำบากหรือเสียค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา
นอกจากนี้ การมองผ่าน "แว่นตาคนละสี" ระหว่างคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่ายังสะท้อนถึงความแตกต่างในมุมมองการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเข้าใจและปรับตัวในการดูแลผู้สูงอายุ
ทั้ง นพ.เก่งพงศ์ และคุณทศพล ต่างเห็นพ้องกันว่า การดูแลผู้สูงอายุในยุคปัจจุบันต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางแนวคิด นอกจากการรักษาทางกายแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและการมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งสองท่านยังแนะนำให้เริ่มวางแผนการดูแลสุขภาพตั้งแต่เด็ก เช่น การกินอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
การดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและจากไปอย่างสงบไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรได้รับความใส่ใจ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ภายในครอบครัว การเตรียมตัวล่วงหน้าในเรื่องการดูแลและการจัดการชีวิตผู้สูงอายุจะช่วยให้ทุกฝ่ายในครอบครัวเข้าใจกันได้ดียิ่งขึ้น
งาน Sustainability Expo 2024 ยังคงเปิดให้ประชาชนเข้าชมและร่วมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์