บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2567 โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 723,958 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากปี 2566 ซึ่งเป็นผลจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงและราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงในกลุ่มธุรกิจ Mobility อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Lifestyle และ Global ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 8.2% และ 10.9% ตามลำดับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปรับลดลงกว่า 11% สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR เปิดเผยว่า แม้รายได้รวมของบริษัทลดลง 45,783 ล้านบาท หรือ 5.9% จากปี 2566 เนื่องจากรายได้จากธุรกิจ Mobility หดตัว 7.4% แต่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีการเติบโตที่แข็งแกร่งจากการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม โดย Café Amazon มียอดขายรวมกว่า 400 ล้านแก้ว ในปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงศักยภาพของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
"เรามุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ OR ในระยะยาว พร้อมขยายธุรกิจที่มีศักยภาพและสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร" หม่อมหลวงปีกทองกล่าว
ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจ Global มีรายได้เติบโต 10.9% เป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจน้ำมันในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรฟื้นตัว ขณะที่ EBITDA รวมของ OR อยู่ที่ 17,666 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงจากกลุ่ม Mobility แต่ยังได้รับแรงหนุนจากกลุ่ม Lifestyle และ Global ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง
ในปี 2567 OR ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AAA เป็นปีที่สองติดต่อกัน รวมถึงคว้า อันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเป็นปีที่สอง ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับสากล
สำหรับปี 2568 OR คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุน ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ OR วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจผ่าน Digitalization & Innovation เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
"เรามุ่งมั่นพัฒนา OR ให้เป็นมากกว่าผู้ให้บริการน้ำมัน ด้วยการขับเคลื่อนผ่านนวัตกรรมและดิจิทัล เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต" หม่อมหลวงปีกทองกล่าวเสริม
กลุ่มธุรกิจ Mobility ตั้งเป้ารักษาตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันในประเทศไทย และดึง Market Share กลับมา โดยเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและพัฒนา PTT Station ให้เป็นเครือข่ายสถานีบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ นอกจากนี้ OR ยังเตรียมความพร้อมขยายจากธุรกิจน้ำมันไปสู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based) เพื่อรองรับแนวโน้มพลังงานสะอาด เช่น การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้ง Solar Cell บนสถานีบริการน้ำมัน
กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจ Café Amazon ครอบคลุม Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสลงทุนใหม่ในธุรกิจ Food & Beverage และ Health & Wellness เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในอนาคต รวมถึงพัฒนาธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้เป็น "Magnet" ดึงดูดลูกค้าให้กับธุรกิจหลักของ OR
กลุ่มธุรกิจ Global จะเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชา ซึ่ง OR มองว่าเป็น Second Home Base เนื่องจากมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง และมีความต้องการสินค้าและบริการของ OR เพิ่มขึ้น พร้อมมองหาโอกาสการเติบโตในประเทศใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ
สำหรับปี 2568 OR เตรียม งบลงทุนรวม 18,886.9 ล้านบาท กระจายใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
Mobility: 7,656.7 ล้านบาท
Lifestyle: 7,280.4 ล้านบาท
Global: 2,771.8 ล้านบาท
Innovation & New Business: 1,178.0 ล้านบาท
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
"OR จะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค" หม่อมหลวงปีกทอง กล่าวทิ้งท้าย