บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้ประกาศเปิดตัวกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Max World” ที่มุ่งเชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมผู้บริโภคให้เข้ากับวิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข” ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่ครอบคลุมทั้งภาคธุรกิจ Oil และ Non-Oil โดยใช้ฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิกเป็นเครื่องมือหลักในการเสริมความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมา PTG ทำสถิติยอดจำหน่ายน้ำมันสูงสุดถึง 6,548 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 12.9% YoY โดยมี PT Max Card เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% พร้อมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ได้มาตรฐานเช่น โครงการหัวจ่ายน้ำมันมาตรฐาน บริการส่งน้ำมัน Max Service การเช็ดกระจก และบริการดูแลลูกค้าในทุกขั้นตอน
พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้กล่าวในงาน “PTG Drive for Tomorrow: Max Card. Max Growth. Max World.” ว่า
“ปี 2567 ที่ผ่านมา PTG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus เป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันธุรกิจให้เติบโตทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ”
นอกจากการเติบโตในมิติของยอดจำหน่ายแล้ว PTG ยังมุ่งพัฒนาสถานีบริการให้กลายเป็น One-Stop Destination ที่รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเน้นการพัฒนาระบบ Max Enterprise Connect (MEC) เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับลูกค้าองค์กร ภาครัฐ และชุมชน
ธุรกิจ Non-Oil ของ PTG ก้าวกระโดดด้วยการเติบโตทั้งในด้านปริมาณและกำไรขั้นต้น
การเติบโตของธุรกิจ Non-Oil นี้เกิดขึ้นจากการใช้พลังของฐานสมาชิกที่มีการบริโภคกาแฟพันธุ์ไทยมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 7 เท่า และซื้อกาแฟต่อครั้งมากกว่า 2 เท่า นอกจากนี้ PTG ยังได้ขยายการร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ เช่น บสย. เพื่อเสริมรากฐานแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทย พร้อมทั้งร่วมมือกับกรมป่าไม้ แม่ฟ้าหลวง และ ธกส. เพื่อพัฒนาการปลูกกาแฟอาราบิก้าและส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
รังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน กล่าวเพิ่มเติมว่า
“เราขยายขอบเขตไปยังธุรกิจ Non-Oil อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการเชื่อมต่อกับ Max Card ให้ลูกค้าปลดล็อกสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นบริการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการขนส่ง หรือการนำ Subscription Model มาเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จ EV – ทั้งหมดนี้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสความสะดวกสบายที่แท้จริง”
PTG ตระหนักดีถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงได้ตั้งเป้าหมายก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2573 โดยมี 3 กลยุทธ์หลัก:
นอกจากการเน้นการลดคาร์บอนแล้ว PTG ยังมุ่งมั่นพัฒนาสถานีบริการให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยโครงการติดตั้ง Solar Roof, ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน, การฟื้นฟูป่าชายเลน และการร่วมมือกับกรมการค้าภายในในการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรเพื่อแจกจ่ายให้กับลูกค้า
เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้า บริการ และสิทธิพิเศษต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย PTG ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Max Me ซึ่งเป็นศูนย์รวมบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสร้างประสบการณ์ที่ “อยู่ดี มีสุข” ได้ในทุกช่วงของชีวิต
กลยุทธ์ “Max World” ของ PTG นับเป็นการผสานความสามารถในการบริหารธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในภาค Oil และ Non-Oil โดยใช้ฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านคนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ พร้อมทั้งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งในด้านการขยายเครือข่ายแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ รวมถึงการริเริ่มนวัตกรรมด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นว่า PTG ไม่เพียงแต่มุ่งหวังผลกำไรในธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ด้วยความเชื่อมั่นว่า “ใครจะเข้าใจคนไทย...ได้ดีกว่าคนไทยด้วยกัน”
กลยุทธ์ครั้งนี้จึงไม่เพียงแค่แสดงถึงความมุ่งมั่นของผู้บริหารและทีมงานที่พร้อมร่วมมือกันอย่างเต็มที่ แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ PTG ก้าวสู่อนาคตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกมิติของชีวิตและธุรกิจอย่างยั่งยืน