จุดเริ่มต้นของภารกิจ “ยืดเวลาให้โลก”
AIS ในฐานะ “HUB of E-Waste” หรือศูนย์กลางความรู้และการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของไทย เดินหน้าภารกิจ “คนไทยไร้ E-Waste” มาต่อเนื่อง โดยยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรระดับภูมิภาค เปิดแคมเปญใหม่ที่ไม่เพียงเชิญชวนให้ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้คนกว่า 1.9 พันล้านคนทั่วโลกตระหนักถึงผลกระทบของ E-Waste
นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า
“AIS มุ่งสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราจึงริเริ่มโครงการ AIS E-Waste เพื่อให้คนไทยเข้าใจถึงผลเสียของการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างผิดวิธี พร้อมเปิดจุดรับ E-Waste กว่า 2,700 จุดทั่วประเทศ และร่วมมือกับพันธมิตรมากกว่า 235 องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดการอย่างยั่งยืน”
E-Waste: ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม
รายงาน Global E-Waste Monitor 2024 โดย UNITAR ระบุว่า ปี 2022 โลกมีขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 62 ล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 111 ล้านตันภายในปี 2050 หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ขยะเหล่านี้จะปล่อยสารพิษสู่สิ่งแวดล้อม ทั้งอากาศ น้ำ ดิน และอาหาร สะสมในระบบนิเวศอย่างไม่รู้ตัว
ทิ้ง E-Waste 3 ชิ้น = ยืดเวลาให้โลกได้ 1 วัน
แคมเปญ “สัญญาณยืดเวลาโลก” ตั้งเป้าชักชวนประชาชนร่วมทิ้ง E-Waste อย่างถูกวิธี โดยอิงจากข้อมูลว่า หากประชากรโลก 8 พันล้านคน ทิ้งขยะ E-Waste เฉลี่ยเดือนละ 3 ชิ้น (น้ำหนักชิ้นละประมาณ 200 กรัม) จะสามารถช่วยยืดเวลาให้โลกได้นานขึ้นอีกหนึ่งวัน
อุปกรณ์ที่เข้าร่วมทิ้ง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก สายชาร์จ หูฟัง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่หมดอายุ โดยสามารถนำมาทิ้งได้ที่
ร่วมส่ง “สัญญาณแห่งความยั่งยืน” ผ่านโซเชียล
ประชาชนยังสามารถร่วมกิจกรรมโดยการถ่ายคลิปหรือภาพการทิ้ง E-Waste แล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย พร้อมติดแฮชแท็ก
#สัญญาณยืดเวลาโลก #AISHUBofEWaste #AISEWaste
เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจและเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและภารกิจยืดเวลาโลก ได้ที่: