ธุรกิจไทยต้องปรับตัวอย่างไร
 ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งใน "ตะวันออกกลาง" ที่กำลังเขม็งเกลียวขึ้นทุกวัน

23 Jun 2025

 

เมื่อความตึงเครียดในตะวันออกกลางปะทุขึ้น ธุรกิจไทยไม่อาจรอให้ปัญหาประดังเข้ามาถึงตัว การปรับตัวเชิงรุกและวางกลยุทธ์ที่รอบด้านคือเกราะป้องกันที่สำคัญ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ต้นทุน และโอกาสทางการค้า ท่ามกลางความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลก

 

1. ประเมินและบริหาร “ความเสี่ยงด้านต้นทุน”

  • จับตาราคาน้ำมันและก๊าซ: ปรับนโยบายซื้อขายล่วงหน้า (hedging) ป้องกันต้นทุนพุ่ง
  • บริหารสต็อก: เร่งเจรจากับผู้จัดหาวัตถุดิบ จัดเก็บสต็อกเพื่อเลี่ยงปัญหาการขาดแคลน
  • หาตลาดทางเลือก: ขยายการจัดหาวัตถุดิบและส่งออกไปยังพื้นที่ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

 

2. ปรับโครงข่ายโลจิสติกส์

  • ประเมินเส้นทางขนส่งใหม่ หากต้องเลี่ยงพื้นที่ตึงเครียด (เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ, ทะเลแดง)
  • มองหาพันธมิตรหรือผู้ให้บริการขนส่งสำรอง เพื่อป้องกันการหยุดชะงัก
  • เร่งใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบและคาดการณ์ “ดีเลย์” หรือ “ค่าระวาง” ที่อาจพุ่งขึ้น

ขณะนี้แม้จะเป็นเพียงแค่คำขู่ แต่หากการเจรจาต่อรองไม่สัมฤทธิ์ผล ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อิหร่านจะประกาศปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางขนส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดในโลก (20–30% ของปริมาณน้ำมันดิบขนส่งทางทะเล) หากเกิดการปิดกั้นหรือโจมตี จะทำให้ค่าระวางเรือและต้นทุนพลังงานพุ่งสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยอย่างแน่นอน ทำให้ต้นทุนขนส่งสูงขึ้น เพราะระยะทางเพิ่มขึ้น (ต้องอ้อมแหลมกู๊ดโฮป) ทำให้ค่าระวางเรือสูงขึ้น 20–30%, เวลาการขนส่งล่าช้า การนำเข้า-ส่งออกใช้เวลานานขึ้น 1–2 สัปดาห์ มีผลต่อสินค้าที่ต้องส่งตรงเวลา, ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก สินค้าอุตสาหกรรม วัตถุดิบ และชิ้นส่วนต้องบริหารสต็อกใหม่ และเบี้ยประกันสูงขึ้น โดยเฉพาะประกันการขนส่ง (War risk premium) พุ่งขึ้นจากความเสี่ยงพื้นที่สู้รบ

 

 

3. บริหารการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน

  • ติดตามค่าเงินและแนวโน้มดอกเบี้ยทั้งไทยและโลก
  • ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องชำระหรือรับเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ
  • จัดสรรเงินทุนสำรองและสภาพคล่องเพื่อรองรับ “แรงกระแทก” ในกรณีฉุกเฉิน

 

4. สร้างพันธมิตรและขยายตลาดใหม่

  • เร่งหาตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกไกล (ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) รวมถึงภูมิภาคอื่น ๆ ที่อยู่นอกเขตความขัดแย้ง
  • จัดตั้งพันธมิตรในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (อินเดีย ตะวันออกกลางฝั่งอ่าวอาหรับ) เพื่อรักษาเสถียรภาพการค้า
  • จัดทำแผนร่วมกับผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย เพื่อบริหารความเสี่ยงร่วมกัน

 

5. เตรียมมาตรการบริหารวิกฤติและสื่อสารเชิงรุก

  • ตั้ง “ศูนย์บริหารวิกฤติ” เพื่อจับตาและตอบสนองเร็ว
  • สร้างแผนรับมือทั้งการเงิน โลจิสติกส์ และบุคลากร
  • สื่อสารตรงไปตรงมากับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อรักษา “ความเชื่อมั่น”

 

 

กล่าวโดยสรุป ธุรกิจไทยต้องรับตัวด้วยกลยุทธ์ 3R

  • Resilient Supply Chain: ห่วงโซ่อุปทานต้องทนทาน หลากหลาย และคล่องตัว
  • Risk Management: จัดทำและทดสอบแผนบริหารความเสี่ยงเป็นประจำ
  • Revisit Market Focus: ประเมินใหม่ว่าตลาดไหน “รุ่ง” หรือตลาดไหน “เสี่ยง” ในบริบทใหม่
[อ่าน 3,188]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Hyper-Personalization คือกุญแจสำคัญสู่อนาคตของการเติบโตและสร้างความสัมพันธ์สำหรับธุรกิจไทย
อย่าให้ฝนรั่ว เช็คบ้านให้ชัวร์ ก่อนต้องเสียเงินซ่อมซ้ำซาก
อดีตเด็กติดเกมสู่ตำรวจไซเบอร์ แชร์มุมมอง Cybercrime พร้อมหนุน True CyberSafe ปิดช่องอาชญากรรมออนไลน์
ผนังฉนวนกันความร้อนสำหรับห้องเย็น ต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้!
แชร์วิธีอยู่ทาวน์เฮ้าส์ให้แฮปปี้ ลดปัญหากระทบเพื่อนบ้าน
ตอบชัด ! ตรวจงานรับตกแต่งภายในบ้านหรูยังไงไม่ให้โดนหลอก ?
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved