1. เทคนิค Fractional CO2 Laser
Fractional CO2 Laser เป็นเทคนิคยอดนิยมที่คลินิกรักษาหลุมสิวนำมาใช้อย่างแพร่หลาย เทคนิคนี้ใช้แสงเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร ทำงานโดยการสร้างจุดเล็กๆ บนผิวหนัง กระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวหนังเรียบเนียนขึ้น และหลุมสิวตื้นลงอย่างเห็นได้ชัด
ข้อดีของเทคนิคนี้คือสามารถปรับระดับความลึกของการรักษาได้ตามความรุนแรงของหลุมสิว คลินิกรักษาหลุมสิวมักแนะนำการทำ 3-5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้ป่วยจะเห็นการปรับปรุงของผิวหนังตั้งแต่ครั้งแรก และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ หลังการรักษาแต่ละครั้ง
2. เทคนิค Microneedling RF
Microneedling RF หรือ Radiofrequency Microneedling เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาหลุมสิว คลินิกรักษาหลุมสิวใช้เครื่องมือที่มีเข็มขนาดเล็กส่งพลังงานความถี่วิทยุลงไปในชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
เทคนิคนี้มีข้อเด่นคือความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ทำลายผิวหนังชั้นบน ทำให้ระยะฟื้นตัวสั้น ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็ว การรักษาด้วย Microneedling RF ให้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่ยั่งยืน หลุมสิวจะตื้นลงและผิวหนังจะกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
3. เทคนิค Subcision และ Dermal Filler
สำหรับหลุมสิวที่ลึกและรุนแรง คลินิกรักษาหลุมสิวมักใช้เทคนิค Subcision ร่วมกับการฉีด Dermal Filler เทคนิค Subcision เป็นการใช้เข็มเล็กๆ ตัดเส้นใยแผลเป็นใต้ผิวหนังที่ทำให้เกิดหลุมสิว ส่วน Dermal Filler จะช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้เรียบเนียนขึ้น
การรวมสองเทคนิคนี้ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลุมสิวแบบ Rolling Scar และ Boxcar Scar ผู้ป่วยจะเห็นการปรับปรุงทันทีหลังการรักษา และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ ในระยะ 2-3 เดือนถัดไป
การเลือกคลินิกรักษาหลุมสิวที่มีเทคนิคที่หลากหลายและทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากหลุมสิวแต่ละประเภทต้องการวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ได้รับคำแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจและยั่งยืน