บริษัท แกรนดี้อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตเสื้อผ้าสำหรับลูกค้าองค์กรด้วยประสบการณ์กว่า 45 ปี ประกาศเปิดตัว "Eco Supreme" ธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองฉลากด้าน Carbon Footprint Products ครบทั้ง 3 แบบจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) พร้อมสนับสนุนองค์กรไทยในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในฐานะแบรนด์เสื้อรักษ์โลกที่มีความน่าเชื่อถือระดับสูง ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตเสื้อโปโลจากวัสดุเหลือใช้ เช่น ขวดพลาสติก PET เสื้อผ้าเก่า และเศษวัสดุธรรมชาติ ผ่านกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน พร้อมลดการปล่อยคาร์บอนลงได้มากถึง 74% เมื่อเทียบกับเสื้อโปโลทั่วไป
วีรวุฒิ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท แกรนดี้อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า
เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตเสื้อผ้าสำหรับลูกค้าองค์กร (B2B) โดยเฉพาะ ด้วยประสบการณ์กว่า 45 ปีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ทำให้แบรนด์เข้าใจความต้องการของลูกค้าในทุกระดับอย่างลึกซึ้ง การก่อตั้งแบรนด์ Eco Supreme เกิดจากความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปัญหาขยะพลาสติก จึงพัฒนาแนวคิดผสาน Carbon Footprint เข้ากับแฟชั่นองค์กร เพื่อสร้างสรรค์สินค้าที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และขับเคลื่อนตามแนวทาง Green Transition พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา อาทิ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) และมหาวิทยาลัยศิลปากร
วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า เสื้อโปโลของ Eco Supreme มีจุดเด่น และแตกต่างจากแบรนด์เสื้อผ้า เนื่องจากเป็นแบรนด์เพื่อสิ่งแวดล้อมรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองฉลากด้าน Carbon Footprint Products ครบทั้ง 3 แบบ ได้แก่ Carbon Footprint of Product, Carbon Footprint Reduction และ Carbon Footprint of Circular Economy ในปี 2024 ได้รับฉลากรวมแล้วถึง 9 ฉลากจาก 4 ผลิตภัณฑ์ โดยผ่านกระบวนการให้คำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญภายใต้โครงการของ สสว.
นอกจากมาตรฐานระดับสากลแล้ว Eco Supreme ยังใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างหลากหลาย อาทิ ขวด PET รีไซเคิล เศษผ้า ผ้าตบชวา แห และอวน เพื่อลดขยะและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ผลิตภัณฑ์ของ ECO Supreme สามารถคำนวณ Carbon Footprint ได้จริง ทำให้เหมาะกับองค์กรที่ต้องทำ ESG Report, CFO Report, CSR, Green Office หรือ SDGs ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าของ Eco Supreme จึงมีคุณภาพสูง ไม่ต้องรีด ระบายอากาศดี ใส่สบาย และดูแลง่าย เหมาะกับทั้งใช้งานจริงและภาพลักษณ์องค์กร ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำอย่าง AIS, บ้านปู, ปตท., RATCH GROUP และ UNESCO ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Eco Supreme ในการสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืน
“การเปรียบเทียบค่า Carbon Footprint แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เป็นรูปธรรมของผลิตภัณฑ์ Eco Supreme ขณะที่เสื้อโปโลผ้าคอตตอนทั่วไปมีค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าเฉลี่ย 11.5 กิโลกรัมต่อเสื้อ 1 ตัว เสื้อโปโล Eco Supreme ที่ผลิตจากขวด PET รีไซเคิลมีค่า Carbon Footprint เพียง 2.94 กิโลกรัมต่อเสื้อ 1 ตัว ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์ของ Eco Supreme ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง74% ทันที” วีรวุฒิ กล่าวสรุป
ด้าน มนธิดา มาลาบุปผา ผู้จัดการแผนกพัฒนาธุรกิจ (Business Development Manager) บริษัท แกรนดี้อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวเสริมว่า
Eco Supreme มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักคือองค์กรภาคธุรกิจและสถาบันที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยเฉพาะที่ต้องการลด Carbon Footprint อย่างเร่งด่วน บริษัทที่ทำธุรกิจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้มงวด เช่น CBAM, EU Green Deal และสถาบันการศึกษาที่ต้องการผสานเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้ากับการเรียนรู้ ด้านกลุ่มเป้าหมายรองยังมีสถานที่ท่องเที่ยว สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ และหน่วยงานที่มีตัวละครหรือแบรนด์เป็นของตนเองที่ต้องการพัฒนาเป็นของที่ระลึกในรูปแบบที่น่าซื้อและเป็นมิตรกับโลก
สำหรับแนวทางการทำการตลาด Eco Supreme การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในสถานที่ที่ตรงกลุ่ม เช่น สวนสัตว์ หรือ อีเวนต์รักษ์โลก โดยที่ผ่านมาได้จัดทำและจำหน่ายเสื้อลาย "น้องหมูเด้ง" รวมไปถึงมีการร่วมมือ "ปังปอนด์" ภายใต้ลิขสิทธิ์ วิธิตา แอนิเมชั่น นอกจากนี้แบรนด์ยังได้ออกบูธในงานต่างๆ อาทิ, Character Fest ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน เช่น มหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ และองค์กรสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ Eco Supreme ยังได้รับ Thailand Textiles Tag จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) โดยการบูรณาการกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งเป็นรางวัลการันตีคุณภาพของเนื้อผ้าความคงทนของสี ความปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง ผลิตจากกระบวนการที่ได้มาตรฐาน รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้และกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย (Made in Thailand)
“เราไม่เพียงมุ่งหวังที่จะเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้ารักษ์โลก แต่ยังมุ่งหวังที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาคธุรกิจทั่วประเทศ เพราะการทำธุรกิจให้ดีและการรักษ์โลกไปพร้อมกันนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้จริง เราพร้อมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ซัพพลายเออร์ พันธมิตร หรือแม้แต่คู่แข่งกลายเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อโลกใบนี้ นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการวัดผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2025 มีแผนขอรับรองฉลาก Carbon Footprint เพิ่มอีก 10 ฉลากจาก 4 ผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับมาตรฐานและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าองค์กรว่า Eco Supreme จะเป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลกอย่างแท้จริง” มนธิดา กล่าวสรุป