
SCG ROOF EXPERT ร่วมขับเคลื่อน Zero Waste ด้วยการสนับสนุน UddC-CEUS จุฬาฯ และสสส. กรุงเทพมหานคร ส่งต่อวัสดุเหลือใช้จากงานก่อสร้างให้กลายเป็นแปลงผักและห้องเรียนกลางแจ้งในโรงเรียน 5 แห่ง สร้างพื้นที่สุขภาวะและต้นแบบความมั่นคงทางอาหารที่ขยายผลได้จริงในเมืองใหญ่
โครงการ “พัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง: กลไกบูรณาการเชิงนโยบายเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะ และพื้นที่ส่งเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหารของกรุงเทพมหานคร” เดินหน้าสร้าง “สวนเกษตรในเมือง” ต้นแบบรวม 5 แห่งในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ผ่านกิจกรรมเปิดตัวสวนและอบรมความรู้ “โรงเรียนของเราน่าปลูก” ที่จัดขึ้นต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 7–14 พฤศจิกายน 2568 โดยมีนักเรียน ครู ชุมชน และหน่วยงานภาคีเข้าร่วมอย่างคึกคัก
โครงการนี้ดำเนินการโดย ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง (UddC-CEUS) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรุงเทพมหานคร บ้านและสวน Garden & Farm มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และภาคเอกชน นำโดย SCG ROOF EXPERT บริษัท เอสซีจี ลีฟวิง แอนด์ เฮาส์ซิง โซลูชัน จำกัด ที่เข้ามาผสานความร่วมมือทั้งในมิติการออกแบบ พื้นที่สุขภาวะ นโยบายสาธารณะ ความรู้ด้านเกษตร และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามแนวคิด Zero Waste
5 สวนต้นแบบ “พื้นที่สุขภาวะ” กลางโรงเรียนในเมือง
ภายใต้กิจกรรม “โรงเรียนของเราน่าปลูก” โครงการได้พัฒนาสวนต้นแบบรวม 5 แห่ง ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้แก่
แต่ละสวนถูกออกแบบให้เป็น พื้นที่เรียนรู้หลายมิติ ในจุดเดียวกัน
กิจกรรมในแต่ละโรงเรียนประกอบด้วยพิธีเปิดสวนเกษตรอย่างเป็นทางการ การมอบเมล็ดพันธุ์และอุปกรณ์ทำสวนให้โรงเรียน การถ่ายภาพร่วมกัน และเวิร์กช็อปให้ความรู้เรื่องการเตรียมดิน เพาะกล้า และการปลูกผักตามฤดูกาล โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก “สวนผักดาดฟ้าบ้านรังษี” ที่ลงพื้นที่สอนเด็ก ๆ ลงมือปฏิบัติจริงตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ

Zero Waste เปลี่ยน “กระเบื้องเก่า” จากขยะก่อสร้าง สู่แปลงผักของเด็ก
หนึ่งในจุดเด่นของโครงการนี้ คือการดึงภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทด้าน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามแนวคิด Zero Waste โดย SCG ROOF EXPERT นำ “กระเบื้องหลังคาเก่า” จากบ้านลูกค้าที่เดิมมักถูกทิ้งเป็นขยะงานก่อสร้าง กลับมาดัดแปลงใช้เป็นส่วนประกอบของสวนและแปลงปลูกในแต่ละโรงเรียน แทนการใช้วัสดุใหม่ทั้งหมด
สุชาติ ทองธรรมสกุล Technical Sales and Installation Management Director บริษัท เอสซีจี ลีฟวิง แอนด์ เฮาส์ซิง โซลูชัน จำกัด กล่าวว่า
การนำกระเบื้องเก่ากลับมาใช้ในสวนเกษตร เป็นตัวอย่างที่จับต้องได้ของแนวคิด Zero Waste ที่ไม่ได้อยู่แค่บนกระดาษ แต่เด็ก ๆ ครู และชุมชน “ได้เห็น ได้สัมผัส และได้เรียนรู้ร่วมกันจริงๆ” พร้อมเชื่อว่า เมื่อเด็กเข้าใจเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและความยั่งยืนตั้งแต่วัยเรียน จะเติบโตไปเป็นคนรุ่นใหม่ที่มอง “ของเหลือใช้” เป็น “โอกาสใหม่” ของสังคม
สวนเกษตรในเมือง: ห้องเรียนกลางแจ้ง พื้นที่ทดลอง Zero Waste และจุดเชื่อมชุมชน
ทั้ง “สวนเกษตรน่าปลูก” ที่โรงเรียนแจ่มจันทร์ และ “สวนเกษตรริมราง” ที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ ซึ่งมีผู้บริหารจาก SCG ROOF EXPERT ขึ้นกล่าวในพิธี ได้ถูกนิยามให้เป็นมากกว่าเพียงแปลงปลูกผัก แต่เป็น “สามบทบาทในพื้นที่เดียว” คือ

กิตติพงษ์ พิพัฒนาโฆษิต New Business Development and Marketing Manager บริษัท เอสซีจี ลีฟวิง แอนด์ เฮาส์ซิง โซลูชัน จำกัด กล่าวว่า
“สวนเกษตรในเมืองที่โรงเรียนทั้ง 5 แห่ง คือจุดเริ่มต้นของต้นแบบพื้นที่สุขภาวะในเมือง ที่สามารถนำไปขยายผลสู่โรงเรียนและชุมชนอื่นๆ ได้ แสดงให้เห็นว่า แม้พื้นที่เมืองจะจำกัด เราก็ยังสร้างพื้นที่สีเขียว สร้างความมั่นคงทางอาหาร และสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมได้จริง”
กลไกบูรณาการเชิงนโยบาย: จากพื้นที่นำร่องสู่ระดับเมือง
โครงการ “พัฒนาพื้นที่สุขภาวะด้วยแนวคิดเกษตรในเมือง” ถูกออกแบบให้เป็นทั้ง พื้นที่ปฏิบัติการ (Living Lab) และ กลไกเชิงนโยบาย ไปพร้อมกัน

จาก “กระเบื้องเก่า” ถึง “คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเมือง”
ในมุมมองของภาคีโครงการทั้งหมด ความสำเร็จของ “โรงเรียนของเราน่าปลูก” คือการทำให้เรื่องใหญ่อย่าง “สุขภาวะเมือง ความมั่นคงทางอาหาร และ Zero Waste” กลายเป็นเรื่องที่เด็ก ๆ จับต้องได้ ผ่านภาพง่าย ๆ เช่น แปลงผักที่ทำจากกระเบื้องเก่า เมล็ดพันธุ์ที่เด็กลงมือเพาะเอง หรือการพาแผงผักจากโรงเรียนกลับไปเล่าให้คนในบ้านฟัง
“จากกระเบื้องเก่า สู่การเรียนรู้ใหม่
จากขยะ สู่ทรัพยากร
จากความร่วมมือ สู่ความยั่งยืน”
สะท้อนเป้าหมายสำคัญของโครงการที่ไม่ได้ต้องการเพียง “เพิ่มพื้นที่สีเขียว” แต่ต้องการสร้าง “คนรุ่นใหม่ที่เห็นคุณค่าของทรัพยากรและเมืองที่ตนเองอาศัยอยู่” ไปในเวลาเดียวกัน





