'Work From Home’ หรือนี่คือ New Normal ของโลกการทำงานยุคหลังโควิด-19
02 Aug 2020

 

การทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home เป็นสิ่งที่เราเคยได้ยินผ่านหูมานานหลายปีแล้วว่า นี่แหละคืออนาคตของการทำงานยุคใหม่ แต่ที่ผ่านมาภาพของการ Work From Home ยังไม่ค่อยชัดมากนัก เพราะยังมีความเชื่อว่า การทำงานในออฟฟิศถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้งานนั้นมีประสิทธิภาพ

ทว่าการระบาดของโควิด-19 กำลังจะทำให้ภาพเหล่านั้นเปลี่ยนไป ผลพวงจากโรคระบาดทำให้บริษัทต่างๆ  อนุญาตเป็นการชั่วคราวให้พนักงานของตัวเองนั้นสามารถทำงานจากที่บ้าน แทนเข้าออฟฟิศ

โดยบริษัทเทคโนโลยีเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ให้การสนับสนุน และต้องการให้พนักงานทำงานจากที่บ้านในวันแรกของการระบาดใหญ่ และหลายบริษัทกำลังพิจารณาที่จะรักษานโยบายไว้ในรูปแบบที่กว้างมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการกลับไปที่สำนักงาน

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า จากการอนุญาตชั่วคราวนั้น กำลังจะเปลี่ยนเป็นการทำงานจากที่บ้านแบบถาวร โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกที่ต่างออกมาขานรับ New Normal ใหม่กันอย่างคึกคัก

 

 

Twitter ให้ทำงานจากที่บ้านแบบถาวร

เราขอเริ่มต้นด้วย Twitter ซึ่งอนุญาตให้พนักงานซึ่งมีราว 5,000 คนในสำนักงานใหญ่ที่ซานฟรานซิสโกทำงานจากที่บ้านได้แบบถาวร โดยไม่ต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศอีกต่อไป แม้ว่าสถานการณ์ของการระบาดจะดีขึ้นก็ตาม

“หลังจากอนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านในช่วงกี่เดือนที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าเราสามารถทำงานกันได้”

แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Twitter ได้กล่าวในอีเมลที่ส่งถึงพนักงาน “ดังนั้นหากพนักงานของเราต้องการทำงานจากที่บ้านตลอดไป เราก็จะทำให้เกิดขึ้นจริง”

Twitter เป็นบริษัทแรกๆ ที่อนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านในต้นเดือนมีนาคมเนื่องจากไวรัสโควิด-19 เริ่มแพร่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ หลายแห่งทำเช่นเดียวกันเช่น Microsoft, Google และ Amazon ขณะเดียวกัน Twitter ก็บอกว่า ตัวเองนั้นไม่คาดหวังว่าจะเป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่กลับมาทำงาน

ในอีเมลฉบับเดียวกันนี้ที่ทางซีอีโอ Twitter ส่งถึงพนักงาน มองว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่ Twitter จะเปิดสำนักงานก่อนเดือนกันยายนและการเดินทางธุรกิจนั้นจะถูกยกเลิกจนกว่าจะถึงวันนั้นเช่นกัน ส่วนพนักงานที่มีความจำเป็นต้องเข้ามาทำงานที่อาคารสำนักงานของ Twitter เช่น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเซิร์ฟเวอร์ ยังคงต้องเดินทางเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศของบริษัทตามปกติ

นอกเหนือจากคำสั่งที่สร้างความดีอกดีใจให้พนักงานแล้ว Twitter ยังได้มองเงินอีก 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาท สำหรับให้พนักงานซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นกับการทำงานอีกด้วย

 

 

Square เดินตามรอยบริษัทแม่

เช่นเดียวกับบริษัทแม่ Square บริษัทลูกของ Twitter ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับชำระเงินก็ได้อนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้เหมือนกัน แม้สำนักงานจะกลับมาเปิดได้อีกครั้งหากสถานการณ์การระบาดอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นก็ตาม

“เราต้องการให้พนักงานสามารถทำงานในที่ที่พวกเขารู้สึกว่าสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด” โฆษกของ Square ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ “ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับสิ่งที่พนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพนอกสำนักงาน และเราจะเรียนรู้ต่อไป”

ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวจะใช้กับพนักงานที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้แต่ผู้ที่ยังต้องเข้ามาทำงานในสำนักงาน Square ก็ยืนยันว่าจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับเช่นเคย

   

        

Facebook อยากให้พนักงาน 50% ทำงานจากที่บ้านภายในปี 2030

ในส่วนของ Facebook นั้น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ออกมาพูดเองเลยว่า จะเริ่มอนุญาตให้พนักงาน 50,000 คน สามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างถาวร

 “เราจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดด้วยวิธีการทำงานจากนอกออฟฟิศ พร้อมกับแผนดำเนินการที่รอบคอบ โดยเราใช้เวลาประเมินและทดลองในช่วงนี้”

ภายใน 5-10 ปี มาร์ก ประเมินว่า 50% ของพนักงาน Facebook จะทำงานจากที่นั้น ซึ่งเป้าหมายของมาร์กนั้นอยากเห็นสัดส่วนของคนที่ทำงานจากบ้านและทำงานที่สำนักงานอย่างละ 50:50 ภายในปี 2020

สำหรับการอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านนั้นจะเปิดรับสมัครจากสถานที่ห่างไกลในสหรัฐอเมริกาก่อน และจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากแหล่งเมืองที่เป็นที่ตั้งของออฟฟิศ Facebook 

 “การจำกัดการจ้างงานแค่กับคนที่อาศัยอยู่ใกล้ออฟฟิศไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไร” ผู้ก่อตั้ง Facebook กล่าว

ทั้งนี้ Facebook จะเปิดให้พนักงานปัจจุบันสามารถยื่นขอให้ทำงานจากบ้านได้ถาวร โดยจะพิจารณาจากประสิทธิภาพการทำงานและคนที่พิสูจน์ว่าสามารถทำงานข้างนอกได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน Facebook ยังได้แจ้งข่าวดีให้กับพนักงานโดยสามารถทำงานจากที่บ้านได้ถึงสิ้นปี 2020 แล้ว

อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวของ Facebook ในครั้งนี้ได้ถูกมองว่า จะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับซิลิคอนวัลเลย์ และบริษัทอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกา มีผลสำรวจล่าสุดจากมหาวิทยาลัยชิคาโกประเมินว่าจะมีงานในสหรัฐ 37% สามารถทำที่อื่นนอกเหนือจากสำนักงานได้ โดยเฉพาะพื้นที่เช่น ซิลิคอนวัลเลย์ และซานฟรานซิสโก ตัวเลขก็จะสูงขึ้น 51% และ 45% ตามลำดับ

นั้นเป็นเพียงผลสำรวจเท่านั้น ข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานฉายให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า มีประชากร 2% เท่านั้นในสหรัฐที่ทำงานที่บ้านเป็นประจำ

 

 

Google มอบเงินขวัญถุงให้พนักงานไปซื้ออุปกรณ์สำหรับทำงานที่บ้าน

สำหรับ Google ก็เป็นดั่งเช่นบริษัทอื่นๆ ซึ่งยินดีที่จะให้พนักงานในบริษัททุกคนทำงานจากที่บ้านจนถึงสิ้นปี 2020 เพื่อความปลอดภัยในสุขอนามัย และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบต่อสังคม

ขณะเดียวกัน Google ยังใจดีแจกเงินพนักงานคนละ 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาท

 “เนื่องจากเรายังคาดหวังว่าชาว Google (ชื่อเรียกพนักงานที่ทำงานใน Google) ส่วนใหญ่จะทำงานจากที่บ้านในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้เราจะให้ค่าใช้จ่ายแก่ชาว Google แต่ละคนเป็นเงิน 1,000 เหรียญสหรัฐหรือมูลค่าเทียบเท่าในประเทศของคุณเพื่อใช้จ่ายอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่จำเป็น” ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของ Google

ซันดาร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า การกลับมาทำงานที่สำนักงานจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคำนึงถึงความต้องการและความพึงพอใจของพนักงานแต่ละทีม

คาดว่า พนักงานกลุ่มแรกที่จะกลับมาทำงานในสำนักงานจะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 กรกฎาคม โดยจะมีพนักงานที่เข้ามาอย่างจำกัด และเปิดพื้นที่ประมาณ 10% ของพื้นที่อาคารทั้งหมด โดยมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกสุขลักษณะ

ส่วนในช่วงเดือนในช่วงเวลาเดือนกันยายน จะอนุญาตให้พนักงานประมาณ 30% สามารถกลับมาทำงานในออฟฟิศได้อีกครั้ง โดยจะจัดลำดับความสำคัญว่า ใครควรจะเข้ามาบ้าง

 

 

Amazon - Microsoft ให้พนักงานทำงานจากที่บ้านถึงเดือนตุลาคม

สำหรับ Amazon เจ้าพ่อ e-commerce และ Microsoft ต่างมีทิศทางที่คล้ายกันคือ อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมปี 2020

สำหรับ Amazon เริ่มให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ตั้งแต่ช่วยปลายเดือนมีนาคม และได้ออกมาประกาศ

 


บทความจากนิตยสาร MarketPlus Issue 125

[อ่าน 2,403]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved