การทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home เป็นสิ่งที่เราเคยได้ยินผ่านหูมานานหลายปีแล้วว่า นี่แหละคืออนาคตของการทำงานยุคใหม่ แต่ที่ผ่านมาภาพของการ Work From Home ยังไม่ค่อยชัดมากนัก เพราะยังมีความเชื่อว่า การทำงานในออฟฟิศถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้งานนั้นมีประสิทธิภาพ
ทว่าการระบาดของโควิด-19 กำลังจะทำให้ภาพเหล่านั้นเปลี่ยนไป ผลพวงจากโรคระบาดทำให้บริษัทต่างๆ อนุญาตเป็นการชั่วคราวให้พนักงานของตัวเองนั้นสามารถทำงานจากที่บ้าน แทนเข้าออฟฟิศ
โดยบริษัทเทคโนโลยีเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ให้การสนับสนุน และต้องการให้พนักงานทำงานจากที่บ้านในวันแรกของการระบาดใหญ่ และหลายบริษัทกำลังพิจารณาที่จะรักษานโยบายไว้ในรูปแบบที่กว้างมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการกลับไปที่สำนักงาน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า จากการอนุญาตชั่วคราวนั้น กำลังจะเปลี่ยนเป็นการทำงานจากที่บ้านแบบถาวร โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกที่ต่างออกมาขานรับ New Normal ใหม่กันอย่างคึกคัก
Twitter ให้ทำงานจากที่บ้านแบบถาวร
เราขอเริ่มต้นด้วย Twitter ซึ่งอนุญาตให้พนักงานซึ่งมีราว 5,000 คนในสำนักงานใหญ่ที่ซานฟรานซิสโกทำงานจากที่บ้านได้แบบถาวร โดยไม่ต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศอีกต่อไป แม้ว่าสถานการณ์ของการระบาดจะดีขึ้นก็ตาม
“หลังจากอนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านในช่วงกี่เดือนที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าเราสามารถทำงานกันได้”
แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Twitter ได้กล่าวในอีเมลที่ส่งถึงพนักงาน “ดังนั้นหากพนักงานของเราต้องการทำงานจากที่บ้านตลอดไป เราก็จะทำให้เกิดขึ้นจริง”
Twitter เป็นบริษัทแรกๆ ที่อนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านในต้นเดือนมีนาคมเนื่องจากไวรัสโควิด-19 เริ่มแพร่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ หลายแห่งทำเช่นเดียวกันเช่น Microsoft, Google และ Amazon ขณะเดียวกัน Twitter ก็บอกว่า ตัวเองนั้นไม่คาดหวังว่าจะเป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่กลับมาทำงาน
ในอีเมลฉบับเดียวกันนี้ที่ทางซีอีโอ Twitter ส่งถึงพนักงาน มองว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่ Twitter จะเปิดสำนักงานก่อนเดือนกันยายนและการเดินทางธุรกิจนั้นจะถูกยกเลิกจนกว่าจะถึงวันนั้นเช่นกัน ส่วนพนักงานที่มีความจำเป็นต้องเข้ามาทำงานที่อาคารสำนักงานของ Twitter เช่น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเซิร์ฟเวอร์ ยังคงต้องเดินทางเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศของบริษัทตามปกติ
นอกเหนือจากคำสั่งที่สร้างความดีอกดีใจให้พนักงานแล้ว Twitter ยังได้มองเงินอีก 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาท สำหรับให้พนักงานซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นกับการทำงานอีกด้วย
Square เดินตามรอยบริษัทแม่
เช่นเดียวกับบริษัทแม่ Square บริษัทลูกของ Twitter ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับชำระเงินก็ได้อนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้เหมือนกัน แม้สำนักงานจะกลับมาเปิดได้อีกครั้งหากสถานการณ์การระบาดอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นก็ตาม
“เราต้องการให้พนักงานสามารถทำงานในที่ที่พวกเขารู้สึกว่าสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด” โฆษกของ Square ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ “ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับสิ่งที่พนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพนอกสำนักงาน และเราจะเรียนรู้ต่อไป”
ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวจะใช้กับพนักงานที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้แต่ผู้ที่ยังต้องเข้ามาทำงานในสำนักงาน Square ก็ยืนยันว่าจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับเช่นเคย
Facebook อยากให้พนักงาน 50% ทำงานจากที่บ้านภายในปี 2030
ในส่วนของ Facebook นั้น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ออกมาพูดเองเลยว่า จะเริ่มอนุญาตให้พนักงาน 50,000 คน สามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างถาวร
“เราจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดด้วยวิธีการทำงานจากนอกออฟฟิศ พร้อมกับแผนดำเนินการที่รอบคอบ โดยเราใช้เวลาประเมินและทดลองในช่วงนี้”
ภายใน 5-10 ปี มาร์ก ประเมินว่า 50% ของพนักงาน Facebook จะทำงานจากที่นั้น ซึ่งเป้าหมายของมาร์กนั้นอยากเห็นสัดส่วนของคนที่ทำงานจากบ้านและทำงานที่สำนักงานอย่างละ 50:50 ภายในปี 2020
สำหรับการอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านนั้นจะเปิดรับสมัครจากสถานที่ห่างไกลในสหรัฐอเมริกาก่อน และจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากแหล่งเมืองที่เป็นที่ตั้งของออฟฟิศ Facebook
“การจำกัดการจ้างงานแค่กับคนที่อาศัยอยู่ใกล้ออฟฟิศไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไร” ผู้ก่อตั้ง Facebook กล่าว
ทั้งนี้ Facebook จะเปิดให้พนักงานปัจจุบันสามารถยื่นขอให้ทำงานจากบ้านได้ถาวร โดยจะพิจารณาจากประสิทธิภาพการทำงานและคนที่พิสูจน์ว่าสามารถทำงานข้างนอกได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน Facebook ยังได้แจ้งข่าวดีให้กับพนักงานโดยสามารถทำงานจากที่บ้านได้ถึงสิ้นปี 2020 แล้ว
อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวของ Facebook ในครั้งนี้ได้ถูกมองว่า จะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับซิลิคอนวัลเลย์ และบริษัทอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกา มีผลสำรวจล่าสุดจากมหาวิทยาลัยชิคาโกประเมินว่าจะมีงานในสหรัฐ 37% สามารถทำที่อื่นนอกเหนือจากสำนักงานได้ โดยเฉพาะพื้นที่เช่น ซิลิคอนวัลเลย์ และซานฟรานซิสโก ตัวเลขก็จะสูงขึ้น 51% และ 45% ตามลำดับ
นั้นเป็นเพียงผลสำรวจเท่านั้น ข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานฉายให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า มีประชากร 2% เท่านั้นในสหรัฐที่ทำงานที่บ้านเป็นประจำ
Google มอบเงินขวัญถุงให้พนักงานไปซื้ออุปกรณ์สำหรับทำงานที่บ้าน
สำหรับ Google ก็เป็นดั่งเช่นบริษัทอื่นๆ ซึ่งยินดีที่จะให้พนักงานในบริษัททุกคนทำงานจากที่บ้านจนถึงสิ้นปี 2020 เพื่อความปลอดภัยในสุขอนามัย และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบต่อสังคม
ขณะเดียวกัน Google ยังใจดีแจกเงินพนักงานคนละ 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 บาท
“เนื่องจากเรายังคาดหวังว่าชาว Google (ชื่อเรียกพนักงานที่ทำงานใน Google) ส่วนใหญ่จะทำงานจากที่บ้านในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้เราจะให้ค่าใช้จ่ายแก่ชาว Google แต่ละคนเป็นเงิน 1,000 เหรียญสหรัฐหรือมูลค่าเทียบเท่าในประเทศของคุณเพื่อใช้จ่ายอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่จำเป็น” ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของ Google
ซันดาร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า การกลับมาทำงานที่สำนักงานจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคำนึงถึงความต้องการและความพึงพอใจของพนักงานแต่ละทีม
คาดว่า พนักงานกลุ่มแรกที่จะกลับมาทำงานในสำนักงานจะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 กรกฎาคม โดยจะมีพนักงานที่เข้ามาอย่างจำกัด และเปิดพื้นที่ประมาณ 10% ของพื้นที่อาคารทั้งหมด โดยมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกสุขลักษณะ
ส่วนในช่วงเดือนในช่วงเวลาเดือนกันยายน จะอนุญาตให้พนักงานประมาณ 30% สามารถกลับมาทำงานในออฟฟิศได้อีกครั้ง โดยจะจัดลำดับความสำคัญว่า ใครควรจะเข้ามาบ้าง
Amazon - Microsoft ให้พนักงานทำงานจากที่บ้านถึงเดือนตุลาคม
สำหรับ Amazon เจ้าพ่อ e-commerce และ Microsoft ต่างมีทิศทางที่คล้ายกันคือ อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมปี 2020
สำหรับ Amazon เริ่มให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ตั้งแต่ช่วยปลายเดือนมีนาคม และได้ออกมาประกาศ
บทความจากนิตยสาร MarketPlus Issue 125