หลายปีที่ผ่านมาสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง Reuters หรือ Bloomberg มักจะออกมารายงานอยู่เป็นระยะๆ ว่า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี วางแผนที่จะแยก 'ธุรกิจเบียร์' ออกมาเป็น 'บริษัทมหาชน'
ที่ผ่านมา 'ไทยเบฟ' ก็จะออกมาปฎิเสธข่าวอยู่ร่ำไป ผ่านจดหมายที่ชี้แจงในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ซึ่งไทยเบฟจดทะเบียนอยู่ แต่หลังจากเป็นข่าวลือมาหลายปีในที่สุดข่าวลือก็เป็น ‘ข่าวจริง’ เพราะไทยเบฟได้ออกมายอมรับผ่านเอกสารที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่า เตรียมแยก ‘ธุรกิจเบียร์’ ออกมา IPO จริงๆ แล้ว
ข่าวลือรอบล่าสุด
ข่าวลือรอบล่าสุดถูกรายงานโดย Bloomberg ในวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมาว่า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้วางแผนที่จะยื่นคำร้องเพื่อเข้าจดทะเบียน ‘ธุรกิจเบียร์’ ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในสัปดาห์หน้า (1-5 กุมภาพันธ์)
แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวจนระบุกับ Bloomberg ว่า ‘ธุรกิจเบียร์’ ของไทยเบฟอาจจะมีมูลค่ามากขึ้น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 300,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
มีการประเมินว่า นี่อาจเป็นการขายหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษของสิงคโปร์ นับตั้งแต่ Hutchison Port Holdings Trust ระดมทุนได้ 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2011
ในวันเดียวกันนั้นเองไทยเบฟก็ได้ชี้แจงข่าวผ่านตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์โดยไม่ได้ ‘ยอมรับ’ หรือ ‘ปฎิเสธ’ ถึงข่าวดังกล่าว โดยบอกแต่เพียงว่า กำลังพิจารณาอยู่
ชัดเจนเรื่อง IPO
แต่ในที่สุดก็ไม่ได้เป็นข่าวลืออีกต่อไป เมื่อในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ได้แจ้งตลาดแล้วว่าเตรียมแยกธุรกิจเบียร์ออกมา IPO จริงๆ
ตามเอกสารชี้แจงระบุว่า การขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จะเกิดขึ้นผ่าน บริษัทที่ชื่อว่า BeerCo Group โดยตั้งขึ้นมาบริษัทโฮลดิ้งเพื่อการลงทุน และเป็นบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการจัดโครงสร้างที่เสร็จสิ้นในปี 2020
BeerCo Group มีโรงเบียร์ทั้งหมดสามแห่งในประเทศไทยและเครือข่ายโรงเบียร์ 26 แห่งในเวียดนาม โดยภายใต้ BeerCo Group มีแบรนด์ที่รู้จักอยู่เช่น ช้าง, อาชา และ เฟเดอร์บรอย อีกทั้งยังมี Bia Saigon และ 333 แบรนด์ชื่อดังของเวียดนามซึ่งได้มาจากการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดเวียนนาม “Saigon Beer Alcohol Beverage” ด้วยราคา 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2018 ด้านผลงานของธุรกิจเบียร์นั้น ตามปีงบประมาณ 2020 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2020 มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 1 แสนล้านบาท และมีกำไรหลังหักภาษีประมาณ 348 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 7,800 ล้านบาทด้วยกัน
3 สาเหตุที่ต้องแยก
ตามเอกสารไทยเบฟระบุถึง 3 สาเหตุที่ต้องแยกธุรกิจเบียร์ออกมาคืv
อย่างไรก็ตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่า การ IPO ในครั้งนี้คาดว่าจะระดมทุนมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 20,000 ล้านบาท จะเป็นจริงหรือไม่นั้น ต้องติดตามกันต่อไป เพราะไทยเบฟเองก็ยังไม่ยืนยันว่าการ IPO จะเกิดขึ้นจริงๆ หรือไม่ ต้องดูจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสมของตลาดก่อน