ในการศึกษาครั้งแรกของโลกเกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็กในบรรยากาศโดยรอบ (PM 2.5) ทั่วโลก ของมหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย
พบว่า มีเพียง 0.18% ของพื้นที่โลก และ 0.001% ของประชากรโลกเท่านั้นที่ สัมผัสกับระดับ PM 2.5 ต่ำกว่าระดับความปลอดภัยที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
การศึกษานี้นำโดย ศาสตราจารย์ Yuming Guo จากคณะสาธารณสุขศาสตร์และเวชศาสตร์ป้องกัน มหาวิทยาลัยโมนาช และตีพิมพ์ในวารสาร Lancet Planetary Health ได้เผยให้เห็นว่า PM 2.5 เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลกอย่างไรในทศวรรษที่ผ่านมา
โดยข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ความเข้มข้นสูงสุดของ PM 2.5 กระจายอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (50.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) รองลงมาคือเอเชียใต้ (37.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และแอฟริกาตอนเหนือ (30.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
นอกจากนี้ ความเข้มข้นของ PM 2.5 ที่ไม่ปลอดภัย ยังแสดงรูปแบบตามฤดูกาลที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น มี PM 2.5 สูงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและอินเดียตอนเหนือในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์) ในขณะที่พื้นที่ทางตะวันออกในภาคเหนือของอเมริกามี PM 2.5 สูงในช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม) เป็นต้น
ขณะที่การขาดสถานีตรวจวัดมลพิษทั่วโลกสำหรับมลพิษทางอากาศ ทำให้ขาดข้อมูลเกี่ยวกับการสัมผัส PM 2.5 ในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับโลก
การศึกษานี้ให้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของมลพิษทางอากาศภายนอกและผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ด้วยข้อมูลนี้ ผู้กำหนดนโยบาย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และนักวิจัยสามารถประเมินผลกระทบด้านสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาวของมลพิษทางอากาศได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถนำไปพัฒนากลยุทธ์การลดมลพิษทางอากาศให้มีประสิทธิภาพ”
#สิ่งแวดล้อม #PM2.5 #MarketPlusDaily