TrueMoney (ทรูมันนี่) ให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบริการใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2556 และเข้าเป็นธุรกิจหนึ่งของบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ ในปี 2557 และต่อมาได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท Ant Group ใน 2559 โดยปัจจุบันทรูมันนี่ให้บริการด้านการเงินที่หลากหลายผ่านซูเปอร์แอปพลิเคชันในชื่อ TrueMoney
ทั้งนี้บริการของทรูมันนี่สามารถใช้สแกนจ่ายได้กว่า 7 ล้านแห่งทั่วประเทศไทย และสามารถใช้จ่ายด้วยการสแกนผ่านแอปพลิเคชันกับร้านค้าในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส
ออสเตรเลีย เป็นต้น และมีแผนดำเนินการในอีกหลายประเทศเร็วๆ นี้ เช่น ออสเตรีย โปรตุเกส เบลเยียม สเปน ฟินแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) กรีซ ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก มอลตา สวีเดน เป็นต้น
มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ทรูมันนี่ เป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่มีบริการทางการเงินครบทุกมิติ โดยใช้แนวคิด ‘Effortless Money Management Service’ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงทุกบริการการเงินที่ง่ายและได้รับประโยชน์คุ้มค่าทุกครั้งที่ใช้ ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่ม โดยบริษัทวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินของลูกค้านำมาพัฒนาระบบให้สอดรับและทำให้ผู้บริโภคเปิดใจในการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ปลอดภัยผ่านแอปพลิเคชันของทรูมันนี่
สำหรับบริการที่มีอยู่บนแอปพลิเคลันทรูมันนี่ได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.บริการในกลุ่มใช้จ่าย ที่ใช้จ่ายเพื่อตอบรับและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ ทั้งการจ่ายออนไลน์ ออฟไลน์ โอนเงิน ใช้จ่ายต่างประเทศ และวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง เช่น Paynext Payonline และTransfer เป็นต้น
2.บริการในกลุ่มการเงิน ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยด้านการออม ลงทุน ประกัน และสิทธิประโยชน์หลากหลาย เช่น Saving Invest และRewards เป็นต้น และ3.บริการสนับสนุนธุรกิจ เป็นบริการช่วยขับเคลื่อน SME และผู้ประกอบการรายย่อยต่างๆ ได้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น เช่น ระบบสมาชิก และฟีเจอร์โปรโมทร้านค้า เป็นต้น
ทั้งนี้ทรูมันนี่มีลูกค้าซึ่งใช้งานอยู่ในระบบอยู่ที่ 27 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายประมาณ 3,000-4,000 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งลูกค้าที่ใช้งานปัจจุบันส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 22-40 ปี ในขณะที่บริการ Paynext มีผู้ใช้งานอยู่ที่ 2.5 ล้านราย ส่วนบริการ Saving มีการออมเงินเฉลี่ย 15,000 บาทต่อคน และบริษัทตั้งเป้าหมายขยายจำนวนลูกค้าเพิ่มเป็น 35 ล้านรายภายในปีนี้ จากกลยุทธ์ในการทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ไปยังกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายมากขึ้น ผ่านแคมเปญต่างๆ
ณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า แกนหลักในการพัฒนาทรูมันนี่ให้เป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันมี 3 แกนหลัก คือ Product ต้องแตกต่างและตอบโจทย์, Customer จะต้องช่วยแก้ไขสิ่งที่ลูกค้ามองหาได้ และSecurity ทรูมันนี่มีการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางงการเงิน
ทั้งนี้บริษัทมี 3 กลยุทธ์หลักในการสร้างบริการที่ตอบโจทย์ ได้แก่ 1.Ease (Ease in Every Way) คือ การนำเสนอประสบการณ์ที่สะดวก บริการที่เข้าใจง่าย รวมถึงระบบที่ช่วยคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ใช้แต่ละราย เช่น นำเสนอตัวเลือกกองทุนตามความสนใจและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือแผนประกันที่สอดคล้องกับความต้องการ เพื่อลดความยุ่งยากของกระบวนการต่างๆ
2.Value (Value in Every Move) คือการเปิดประตูสู่โลกการเงินที่ได้คุณค่ามากกว่า เช่น บริการเงินฝากดอกเบี้ยสูง พร้อมสิทธิในการได้รับเงินคืน เมื่อผูกบัญชีเพื่อการใช้จ่าย ฟีเจอร์รีวอร์ดสที่รวมทุกส่วนลดและสิทธิพิเศษเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งการใช้จ่าย การออมและลงทุน โดยเตรียมยกระดับฟีเจอร์ Rewards สู่ Loyalty Program ที่มอบสิทธิประโยชน์หลากหลายและคุ้มค่ายิ่งขึ้นในอนาคต
3.Access (Accessible to Everyone) คือการช่วยให้ทุกคนสามารถเริ่มสร้างความมั่นคงทางการเงินในแบบของตนเองได้ โดยมีข้อจำกัดน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านหลากหลายสินทรัพย์ที่แม้มีเงินน้อยก็เริ่มได้ เช่น มีกองทุนรวมที่เลือกลงทุนได้ตั้งแต่ 1 บาท หรือซื้อแผนประกันด้วยเงินหลักร้อยต้นๆ ไปจนถึงการสมัครขอวงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง โดยไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือนและรู้ผลการอนุมัติทันที
ทั้งนี้ล่าสุดทรูมันนี่ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Recurring Manager เป็นผู้ช่วยจัดการออมและจ่าย เช่น ค่าสมาชิกรายเดือน ค่าบริการโทรและอินเทอร์เน็ตรายเดือน หรือบริจาคเพื่อการกุศล โดยสามารถดูยอดสรุปค่าบริการและจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดจ่าย อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าในการตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่ไปฝากเป็นเงินออมได้ทุกเดือน พร้อมรับดอกเบี้ยสูงสุด 4% และสำหรับร้านค้าจะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า MoneyBox กล่องเรียกทรัพย์ ที่จะแจ้งเตือนด้วยเสียงแบบเรียลไทม์เมื่อลูกค้าชำระเงินสำเร็จ
นอกจากนี้ ทรูมันนี่มีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ TrueMoney Secure ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและแจ้งเตือนพฤติกรรมต้องสงสัยแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ยืนยันตัวตนและเข้ารหัสหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการสแกนใบหน้าเพื่ออนุมัติรายการตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และสายด่วนแจ้งภัยการเงินตลอด 24 ชั่วโมง
อนัณทินี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในแผนการตลาดที่สำคัญคือการมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือ ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า ศิลปินจากวง BLACKPINK ของเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มแฟนคลับทั่วโลก ซึ่งลิซ่าจะเป็นตัวแทนทรูมันนี่ที่ชี้ให้เห็นจุดยืนของบริการทางการเงินที่เป็นไปได้และได้ทุกคน
ทั้งนี้ลิซ่าถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่นสะท้อนพลังและความเป็นไปได้ที่มากกว่าในชีวิตสำหรับทุกคน และตรงกับสิ่งที่ ทรูมันนี่ต้องการมอบให้คือการช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างความเป็นไปได้ตามแบบฉบับของตัวเองและผลักดันทุกเป้าหมายในชีวิตให้เป็นไปได้มากกว่าที่เคยผ่านบริการทางการเงินของทรูมันนี่
สำหรับในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปี ทรูมันนี่ได้เตรียมจัดเต็มแคมเปญครั้งใหญ่ รวมไปถึงสิทธิพิเศษมากมายสำหรับผู้ใช้ทรูมันนี่ตลอดทั้งปี พร้อมกิจกรรมให้แฟนคลับของลิซ่าได้ร่วมสนุกในเร็วๆ นี้ ซึ่งตอนนี้สามารถรับชมภาพยนตร์โฆษณา ‘ทรูมันนี่ เป็นไปได้ ได้ทุกคน’ ได้ทุกช่องทางสื่อสาร