ยุทธพร จิตตเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (LET) กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านบริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยระดับเมือง (Public Safety) มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นองค์กรภาครัฐ (B2G) ซึ่งมีความผันผวนสูงทั้งในแง่โอกาสและรายได้ ดังนั้นจึงมีเป้าหมายปรับสัดส่วนรายได้จากเดิมที่มาจาก B2G มากกว่า 90% เป็น 60% และเพิ่มสัดส่วนรายได้ใหม่จากการทำธุรกิจขยายไปยังกลุ่มเอกชน (B2B) และผู้บริโภค (B2C) ในสัดส่วน 40% ภายในอีก 3 ปี ภายใต้แนวคิด The Future of LET
“การปรับสมดุลสัดส่วนรายได้ดังกล่าว ไม่ใช่ลดปริมาณงานจากภาครัฐลง ตรงกันข้ามเรายังคงให้ความสำคัญกับตลาด B2G เช่นเดิม ขณะเดียวกันก็ขยายตลาดไปยังภาคเอกชนที่มีความต้องการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ LET สามารถสร้างรายได้ประจำที่ยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายหลักของล็อกซเล่ย์ซึ่งเป็นบริษัทแม่” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LET กล่าว
เฉลิมพล ปุณโณทก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีที เอเซียโรโบติกส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนา “หุ่นยนต์ดินสอ” ที่ใช้ AI และเป็นหุนยนต์ฝีมือคนไทย เพื่อให้บริการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงโควิด-19 ที่ได้รับการตอบรับที่ดี เป็นบริการแบบจำหน่ายให้กับโรงพยาบาล หรือองค์กรที่ต้องการนำไปใช้งานประจำจุด สำหรับความร่วมมือกับ LET ในครั้งนี้ เป็นการนำหุ่นยนต์เพื่อให้บริการแบบ B2B และ B2C ซึ่งจะมีโซลูชันในส่วนที่ LET พัฒนา เพิ่มศักยภาพเป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยในการเฝ้าระวังและสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งยังไม่มีนวัตกรรมที่สอดรับกับการใช้ชีวิตของกลุ่มนี้ในไทย ข้อดีที่สำคัญคือสามารถช่วยในด้านจิตใจในกลุ่มผู้สูงอายุได้ เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่อยู่ลำพังในบ้านเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว หุนยนต์พัฒนาให้สามารถสื่อสารโต้ตอบได้และมีความฉลาดในการจดจำและสังเกตความผิดปกติในการทำกิจวัตรประจำวัน ซึ่งมีระบบการแจ้งเตือน และในเชิงการแพทย์มีการตรวจเบื้องต้น เช่น มีการตรวจวัดและประเมินความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ เมื่อมีการแจ้งเตือนจากหุ่นยนต์ไปยังทีมงานซึ่งมอร์นิเตอร์ตลอด 24 ชม. จะทำการติดต่อไปยังโรงพยาบาล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LET กล่าวเสริมว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จะเริ่มทำตลาดด้วยการสร้างการรับรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย และร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และระบบเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ LET ให้บริการ ขณะเดียวกันยังร่วมมือกับพันธมิตรออกบูธในงานจัดแสดงเทคโนโลยีด้านรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มแรกที่ทำตลาดคือ โรงพยาบาล เนิร์สซิ่งโฮม ซึ่ง LET ตั้งเป้าหมายว่าจะมีลูกค้ากลุ่ม B2B และ B2C รวมกันไม่น้อยกว่า 300 ราย ภายในปี 2567
ทั้งนี้รูปแบบการให้บริการสำหรับ B2C จะเป็นแบบเช่าใช้บริการ โดยมีแพคเกจที่รวมอุปกรณ์เป็นสัญญาระยะ 2-3 ปี และจ่ายรายเดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะตามการใช้งาน 4,500 บาทต่อเดือน ผู้ใช้สามารถเข้าดูได้แบบเรียลไทม์บนแอปพลิเคชัน
1. เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสำหรับที่พักอาศัย หรือ Residence Security ที่มุ่งเน้นไปยังบริการ Security & Digital Lifestyle โดยปรับเปลี่ยนจากงานด้านความมั่นคงเพื่อความปลอดภัยระดับเมืองและเขตชุมชนขนาดใหญ่ (Public Safety) ซึ่งให้บริการในส่วน B2G มาเป็นบริการที่เรียกว่า LET Care เพื่อใช้ในระบบความปลอดภัยสำหรับที่พักอาศัย
ทั้งนี้มีระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดการบุกรุก สามารถตรวจจับความผิดปกติทั้งความร้อน อุณหภูมิ กลุ่มควันภายในที่พัก รวมถึงสามารถควบคุมแสงสว่าง เปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่อยู่อาศัย พร้อมส่งสัญญาณฉุกเฉินแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากเกิดเหตุ อีกทั้งมีทีมตรวจสอบความปลอดภัยเฝ้าระวังผ่านศูนย์ควบคุมและสั่งการ (Command & Control Center :CCC) ตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ใช้สามารถดูไลฟ์วิดีโอผ่านสมาร์ทโฟนได้
2. เทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ หรือ Cyber Shield โดยร่วมมือกับ คลาวด์เซค เอเซีย ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันภัยไซเบอร์ ให้บริการโซลูชันส์แก่ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เช่นสถานพยาบาลขนาดเล็ก ศูนย์บริการรถยนต์ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม โรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านห้อง CCC เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ อีกทั้งระบบ Cyber Security ของ LET สามารถนำไปควบรวมกับการจัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของแต่ละองค์กรได้
นอกจากนี้ LET ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเมืองไทยประกันภัย ที่พร้อมจะออกกรรมธรรม์ประกันภัยให้กับผู้ใช้ระบบ Cyber Shield ในมูลค่า 50 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อยกระดับการป้องกันโจรกรรมทางด้านCyber ให้เชื่อถือได้สูงสุด สำหรับลูกค้า ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Cyber Shield
3. เทคโนโลยีดูแลและช่วยเหลือสังคมผู้สูงอายุ หรือ Residence Elderly Ward เป็นบริการที่รองรับสังคมสูงวัย (Aged Society) ของประเทศไทย โดยมีระบบการเฝ้าระวังเชื่อมกับ 3 อุปกรณ์หลักที่ LET วิจัยและพัฒนาร่วมกับ ซีที เอเซีย โรโบติกส์ นานกว่า 2 ปี ได้แก่ 1. “น้องปกป้อง” หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุที่สื่อสารโต้ตอบได้แบบ 2 Ways communication 2. Technology For Aging Society ตรวจจับความเคลื่อนไหว
และ3.สมาร์ทวอทช์ เชื่อมต่อเข้ากับ “LET Care” เพื่อเสริมการดูแลพร้อมแจ้งเตือนและช่วยเหลือผู้สูงอายุกรณีฉุกเฉิน เช่น เกิดการลื่นล้ม เป็นลมหมดสติจากโรคประจำตัว หรือแม้กระทั่งตรวจจับการออกนอกพื้นที่พักอาศัยในระยะที่จำกัดไว้ ผ่านอุปกรณ์ที่สามารถโต้ตอบสื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือกับปลายทาง หรือทีม CCC ของ LET ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4. เทคโนโลยีไร้มนุษย์ควบคุม หรือ Unmaned Services เป็นบริการที่ LET นำหุ่นยนต์ 2 ประเภทมาให้บริการ คือ "น้องปกป้อง" เป็นหุ่นยนต์ตรวจการณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมงานด้านรักษาความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่สม่ำเสมอ โดยมีกล้องตรวจจับที่ถ่ายวิดีโอส่งไปยังเจ้าหน้าที่ และสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผ่านหุ่นยนต์เพื่อขอความช่วยเหลือ จึงทำให้หน่วยงาน หรืออาคารสำนักงาน ได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ส่วน "น้องจริงใจ" เป็นหุ่นยนต์ขยันส่ง ที่ส่งเอกสารหรือสิ่งของภายในอาคารได้ตามที่กำหนด ออกแบบมาให้ใช้งานภายในอาคาร หรือสำนักงานที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาล โรงงาน หรือสำนักงานออฟฟิศ โดยหุ่นยนต์ทั้งสองประเภท จะทำงานประสานกับระบบควบคุมกลางผ่านห้อง CCC จึงทำให้ผู้ควบคุมทราบสถานะและตำแหน่งของหุ่นยนต์ได้แบบเรียลไทม์