จากข้อมูลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) เดือนเมษายน 2566 ระบุว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาภัยออนไลน์แจ้งมายังเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 247,753 เรื่อง ขณะที่ผลการอายัดบัญชีที่มีคำร้องทั้งหมด 74,129 บัญชี มีการขออายัด 54,017 บัญชี เป็นจำนวนเงิน 6,900 ล้านบาท และอายัดได้ทัน 449 ล้านบาท หรือคิดเป็น6.4% ของยอดเงินที่มีการร้องขออายัด ทำให้เกิดมูลค่าความเสียหาย 32,083 ล้านบาท
อีกทั้งสมาคมธนาคารไทย ยังพบอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีการล่อลวงติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อเข้ามาดูดข้อมูล รวมถึงปลอมเป็นแอปการเงิน เพื่อเข้ามาควบคุมอุปกรณ์และแอปการเงินของผู้เสียหาย (ATO - Account Take Over) เพื่อดูดเงินจากบัญชี ส่งผลให้มีผู้เสียหายจากการตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 500 ล้านบาท
มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ทรูมันนี่ ให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเพื่อความมั่นใจกับผู้ใช้งาน โดยระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ที่เรียกว่า TrueMoney 3 x Protection ซึ่งพัฒนาร่วมกับผู้ให้บริการระบบความปลอดภัยชั้นนำของโลก เช่น ชิลด์ (SHIELD) เป็นบริษัทดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก และ โซลอส (ZOLOZ) ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบ Biometric ระดับโลก
ทั้งนี้ ระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ได้นำ AI (Artificial Intelligence) มาทำงานร่วมกับ Big Data Engineering เพื่อรวบรวม จำแนก และจดจำ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ พร้อมตรวจจับและสั่งการหากมีอะไรผิดปกติ และให้การปกป้องบัญชีผู้ใช้ถึง 3 ชั้น ได้แก่ ตรวจ จับ และหยุด
ตรวจ เพื่อยืนยันเข้าใช้งานบัญชีด้วยระบบยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ (secure log in) เช่น การเรียกสแกนหน้าเพื่อตรวจสอบข้อมูลชีวมิติ (Biometric - Face recognition) ถึงมีมิจฉาชีพที่ล่อลวงจนรู้ OTP หรือ Pin Code แต่ก็ไม่สามารถล็อกอินบัญชีคุณได้ เพราะถูกระบบสแกนตรวจใบหน้าป้องกันไว้ นอกจากนี้ ระบบ TrueMoney 3 x Protection ยังสามารถตรวจจับค่า IP address หรือ Location หากมีการเข้าใช้งานจากอุปกรณ์ใช้งาน หรือ secure device ที่แตกต่างไปจากที่ผู้ใช้เจ้าของบัญชีได้ลงทะเบียนหรือใช้งาน
จับ มัลแวร์ แอปดูดเงิน และแอปแปลกปลอมที่ไม่ปลอดภัย หากติดตั้งบนอุปกรณ์ที่ใช้งานทรูมันนี่ และปฏิเสธการอนุญาตเข้าใช้งาน
หยุด หากมีการทำรายการที่ผิดปกติ ระบบ AI จะจำแนกและกำหนดค่าความเสี่ยง หรือ Risk score เพื่อตรวจสอบความผิดปกติจากประวัติการทำรายการย้อนหลัง และให้ลูกค้าทำการยืนยันตัวตนหลากหลายรูปแบบ หรือหยุดยั้งรายการที่มีความผิดปกติ เพื่อป้องกันการถูกดูดเงินออก
อธิปัตย์ พลอยพรายแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบทุจริต บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้กำหนดให้มีสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนโอนและถอนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ทรูมันนี่ได้จับมือกับ SHIELD นำระบบปฏิบัติการความปลอดภัยอัจฉริยะสำหรับธุรกรรมการเงินบนอุปกรณ์มือถือ (Mobile Fintech Security Intelligence) มาใช้เป็นรายแรกของไทย
สำหรับการเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น TrueMoney 3 x Protection ถือว่าเป็นระบบเดียวที่มีในตลาดขณะนี้ที่ สามารถตรวจ จับ หยุดธุรกรรมแปลกปลอมได้ครบวงจร เนื่องจากทรูมันนี่ตระหนักดีว่า แม้จะมีการสร้างแอปการเงินที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยในระดับสูง แต่มิจฉาชีพอาจล่อลวงให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อและเผลอให้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงบัญชีได้
ทั้งนี้ทรูมันนี่จึงสร้างระบบที่สามารถผสานข้อมูลและระบบความปลอดภัยให้ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยปกป้องผู้ใช้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำธุรกรรม พร้อมช่วยผู้ใช้จำกัดและหยุดความเสียหายแม้พลาดตกเป็นเหยื่อ โดยทรูมันนี่ยังมีการให้บริการสายด่วน 1240 กด 6 เพื่อรับแจ้งเหตุต้องสงสัยด้านภัยทางการเงินและแจ้งอายัดบัญชี ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากการเปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ทรูมันนี่ ยังได้ออกแคมเปญเพื่อยกระดับการรับรู้ถึงการที่ทรูมันนี่เป็นแอปที่พลิเคชันปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้จ่ายออนไลน์ เนื่องจากในผลการสำรวจลูกค้าล่าสุดพบว่า ลูกค้ามองทรูมันนี่เป็นบัญชีใช้จ่ายที่ให้การปกป้องที่ดี (Buffer Account) เนื่องจากสามารถเติมเงินเพื่อใช้จ่ายได้ในยอดที่พอใจ ไม่ต้องกังวลเพราะไม่ต้องแชร์เลขบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตเมื่อใช้จ่าย และสามารถเลือกใช้ TrueMoney Mastercard ซึ่งเป็นเวอร์ชวลการ์ดที่ตัดจ่ายเฉพาะเงินที่เติมในทรูมันนี่ สามารถเปิดปิดการใช้งานได้เลยในแอปพลิเคชัน ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกดูดเงินที่มีจนหมด