องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566” ซึ่งตรงกับวันที่ 6 กันยายน ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ) โดยรวมพลังคนไทยกว่า 3,000 คน จาก 150 องค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ร่วมต่อต้านคอร์รัปชัน
พร้อมนำเสนอ 5 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมชูนโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ เร่งรัดการออกกฎหมายแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชัน โดยระบุว่า การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งในปี 2565 ดัชนีการรับรู้ทุจริต (CPI) ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 101 ของโลก และเป็นอันดับ 4 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม
ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งขยับตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อแข่งขันกับประเทศต่างๆ เพราะปัญหาทุจริตคอร์รัปชันนอกจากจะสร้างความเสียหายโดยตรงให้กับภาครัฐ ยังกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน เป็นตัวฉุดรั้งทำให้เศรษฐกิจถดถอย กระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลจะใช้หลักนิติธรรมที่เข้มแข็งในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรวจสอบ เพื่อให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลที่โปร่งใส และรวดเร็ว
“หลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้ โดยรัฐบาลจะมุ่งปรับปรุงนโยบายต่างๆ เปลี่ยนจากรัฐอุปสรรค ให้เป็นรัฐสนับสนุน ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมาย และบทลงโทษที่เฉียบขาด ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ แสดงบัญชีทรัพย์สิน การบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม จะช่วยสร้างสังคมที่แข็งแกร่ง และขจัดคอร์รัปชันให้หมดไป
นอกจากนี้ รัฐบาลจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการตรวจสอบ การดำเนินงานอย่างโปร่งใส ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ปรับปรุงระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้เป็นวัน สตอป เซอร์วิส ปรับเปลี่ยนระบบบริหารงานภาครัฐให้เป็นดิจิทัล เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ การซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมต้องหมดไป ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ปัญหาคอร์รัปชันจะลดลง มีความโปร่งใส เป็นธรรมเพิ่มขึ้น สร้างความยอมรับนับถือจากทั่วโลก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน”
ทั้งนี้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ผู้เป็นตัวแทนเสียงของประชาชน ได้เสนอข้อเรียกร้องเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันถึงรัฐบาลใหม่ 5 ข้อ ดังนี้
วิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นการมีส่วนร่วมของประชาชน มารวมพลังในวันต่อต้านคอร์รัปชันอีกครั้ง ปีนี้นับเป็นครั้งที่ 12 ต้องยอมรับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเป็นวิกฤตขนาดใหญ่ของสังคมไทย ที่ต้องสร้างแนวทางความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหาให้ลุล่วง
“องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ในนามองค์กรภาคประชาชน จึงขอเสนอให้รัฐบาลจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อต่อต้านคอร์รัปชัน” (War Room for Anti-Corruption) เร่งแก้วิกฤติคอร์รัปชันในเชิงรุก อาศัยการเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลกับภาคประชาชน เพื่อเอาชนะปัญหาคอร์รัปชันครั้งนี้ให้ได้”
สำหรับการจัดงานในปีนี้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้จัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด WHAT THE FACT? “ค้นหาความจริง-ใจในการต่อต้านคอร์รัปชัน” สาธิตการใช้งานเว็บไซต์ “ACT Ai” โดย หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังด้านไอที ที่เปิดให้ประชาชนร่วมตรวจสอบโครงการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตได้ง่ายๆ เพียง “แค่สงสัยก็เสิร์ช ACT Ai เลย”
เป็นช่องทางในการให้ประชาชนร่วมตรวจสอบโครงการต่างๆ ที่มีข้อสงสัยได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ “ACT Ai” ใช้ Ai ในการตรวจสอบโครงการที่มีข้อสงสัย ครอบคลุมกว่า 27 ล้านโครงการในประเทศไทย อาทิ โครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จับโกงโควิด เครือข่ายความสัมพันธ์นักการเมือง จับโกง อบจ. โครงการโรงเรียนโปร่งใส เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดเวทีเสวนาพลังหญิงต้านโกง “ACTIVE WOMEN” โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัย และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ ผู้ประกาศข่าว, ณัฏฐา มหัทธนา นักวิเคราะห์ประเด็นสังคม และจงใจ กิจแสวง เจ้าของแบรนด์หมูทอดเจ๊จง เพื่อแสดงบทบาทของผู้หญิงในการต่อต้านคอร์รัปชัน