ธนาคารกสิกรไทยเผยผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions) จากการดำเนินงานของธนาคาร (Own Operations) ได้อย่างต่อเนื่อง งานจัดทำแผนกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรมคืบหน้ารวมเป็น 4 กลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมเตรียมขยายผลไปสู่การร่วมทำงานกับภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมสำคัญอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยวางแผนการเปลี่ยนผ่าน ด้วยเครื่องมือและโซลูชันหลากหลายตอบโจทย์แบบเจาะลึกรายธุรกิจ เดินหน้าผนึกพันธมิตรส่งมอบโซลูชันที่มากกว่าการเงิน ครึ่งแรกปี 2566 ดันยอดสินเชื่อสีเขียวและเงินลงทุนด้านความยั่งยืนไปแล้วกว่า 19,400 ล้านบาท
ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า
จากปรากฏการณ์เอลนีโญในปี 2566 ที่คาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อเกษตรกรไทยกว่า 48,000 ล้านบาท สะท้อนถึงวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคธุรกิจไทยต้องปรับตัวเพื่อตอบรับมาตรการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น
อาทิ การประกาศ Thailand Taxonomy ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของไทยที่จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายขึ้นเพื่อการปรับตัวมุ่งลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
รวมทั้งมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรป ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าที่จะนำเข้าไปในอียู เริ่มเดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ก็มีโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ จากการเปลี่ยนผ่านด้านสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังต้องการการสนับสนุนอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องเงินลงทุนจำนวนมหาศาลทั้งจากนักลงทุนทั่วไป Venture Capital ธนาคาร และสถาบันการเงิน
ธนาคารกสิกรไทยจึงเดินหน้าการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งปรับการทำงานของธนาคารเอง และการสนับสนุนภาคธุรกิจ
โดยอาศัยความสามารถหลัก (Key Capabilities) ในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ คือ การสร้างระบบพื้นฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรและลูกค้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนส่งเสริมพฤติกรรมอันดีทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งมีความคืบหน้า ดังนี้
เป้าหมายเรื่องการเป็นธนาคารที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจากการดำเนินงานของธนาคาร (Scope 1 และ 2) เป็นศูนย์ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ธนาคารสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานด้านการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน กระบวนการทำงาน และการส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น
เป้าหมายเรื่องปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในพอร์ตโฟลิโอ (Scope 3) สอดคล้องตามเป้าหมายของประเทศไทย ผลการทำงานครึ่งแรกของปี 2566 ธนาคารทำแผนกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม (Sector Decarbonization Strategy) รวมเป็น 4 กลุ่มอุตสาหกรรม
ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กลุ่มถ่านหิน และกลุ่มซีเมนต์ นอกจากนี้ ธนาคารจะเข้าไปทำงานอย่างใกล้ชิดกับธุรกิจในอุตสาหกรรมหลักเหล่านี้เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยธุรกิจวางแผนงาน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสแก่ธุรกิจด้วยเครื่องมือและโซลูชันหลากหลายตอบโจทย์แบบเจาะลึกรายธุรกิจ ควบคู่กับการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจให้ปรับตัวสอดรับกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (ESG) รวมทั้งคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้
เป้าหมายสนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing (Loan) and Investment) ผลการทำงานครึ่งแรกของปี 2566 ธนาคารส่งมอบเม็ดเงินส่วนนี้ไปแล้วรวมกว่า 19,400 ล้านบาท
ประกอบด้วย สินเชื่อสีเขียวสำหรับลูกค้าในไทยและภูมิภาค AEC+3 สินเชื่อเพื่อการประหยัดพลังงาน และเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืน รวมทั้งการลงทุนโดยบีคอน วีซี ผ่าน Beacon Impact Fund ที่มุ่งเน้นการลงทุนโดยตรงในบริษัทสตาร์ทอัพหรือผ่านกองทุนเงินร่วมลงทุนทั่วโลก เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโซลูชั่นสร้างผลกระทบเชิงบวก พร้อมศักยภาพที่จะขยายผลไปในวงกว้าง ทั้งนี้ ธนาคารกำหนดเป้าหมายสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนทั้งปี 2566 ที่ 25,000 ล้านบาท และวางเป้าหมายระยะยาว เป็นยอดรวมที่ 1-2 แสนล้านบาท ภายในปี 2573
การพัฒนาบริการ Beyond Financial Solutions ที่เป็นมากกว่าบริการทางการเงินเพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงไลฟ์สไตล์กรีนได้ง่ายยิ่งขึ้น ผลการทำงานในครึ่งแรกปี 2566 ธนาคารมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งโซลูชันเพื่อส่งเสริมเรื่องการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภาคที่อยู่อาศัย โดยธนาคารได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) พัฒนาแอปพลิเคชัน “ปันไฟ” ผู้ช่วยจัดสรรไฟอัจฉริยะที่ช่วยให้การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาคืนทุนได้เร็วขึ้น
รวมทั้งการส่งเสริม EV Bike Ecosystem โดยธนาคารอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เช่าจักรยานยนต์ไฟฟ้าในการเช่าใช้งานผ่าน K PLUS Market และให้บริการจุดเปลี่ยนแบตเตอรีที่สาขาของธนาคาร ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด สร้าง Green Ecosystem ให้เกิดขึ้นจริง
ขัตติยา กล่าวตอนท้ายว่า การขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อมของธนาคาร เป็น 1 ใน 3 มิติของการทำงานตามหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) ที่ธนาคารกสิกรไทยดำเนินการครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
และธนาคารมุ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ เพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันทั้งภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล นักลงทุน ภาคธุรกิจ ผู้บริโภค และสถาบันการเงิน ทุกฝ่ายล้วนมีส่วนสำคัญในการช่วยให้โลกใบนี้เปลี่ยนผ่านไปได้
จึงขอให้ทุกคนร่วมกันลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ที่ความสำเร็จไม่ใช่เพียงตอบโจทย์ความอยู่รอดในวันนี้ แต่หมายถึงการตอบรับโอกาสที่จะเติบโตในระยะยาว และสร้างโลกที่ยั่งยืนไปด้วยกัน