ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ประกาศเดินหน้าพันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE
27 Sep 2023

 

ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ประกาศพันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE แนวคิดที่มุ่งสร้างอนาคตอันยั่งยืนให้กับประเทศไทย ผ่านศักยภาพของ 4 กลุ่มธุรกิจ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน ที่ล้วนเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยผลประกอบการอันโดดเด่นในช่วงครึ่งแรกของปี 2566

เผยกลยุทธ์เตรียมความพร้อมทุกมิติให้ทุกกลุ่มธุรกิจเดินหน้าพิชิตเป้าหมายปี 2566 ควบคู่ไปกับการสานต่อภารกิจ Mission To The Sun เพื่อมุ่งสู่การเป็น Technology Company เต็มรูปแบบในปี 2567 ด้วยบทพิสูจน์ความสำเร็จจาก 3 โครงการนำร่อง Green Logistics, Digital Health Tech และ Circular

 

 

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group กล่าวว่า

“พันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่มุ่งมั่นการเป็นผู้สร้าง สร้างทั้งความเจริญ สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับผู้คนและสังคมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สู่เป้าหมายสูงสุด คือสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย

ด้วยศักยภาพจากระบบ ECO System ที่ครบวงจรและแข็งแกร่งของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เพื่อใช้ในการต่อยอดพัฒนาโซลูชันทางธุรกิจและอุตสาหกรรม ที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้นักลงทุนและอุตสาหกรรมต่างๆ

ทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันและผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น The World’s Best Investment Destination สำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก เพราะเราตระหนักดีว่า การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-ของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

 

แนวคิด WHA: WE SHAPE THE FUTURE ต่อยอดมาจากการที่ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ใช้แนวทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนมาเป็นระยะเวลานานนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ สอดรับกับทิศทางการพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปัจจุบันภายใต้พันธกิจ “The Ultimate Solution for Sustainable Growth”

โดยวางแนวทางการพัฒนาที่ยึดหลักบรรษัทภิบาล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร (Digital Transformation) และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อสร้างคุณค่าและการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับองค์กร ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในระยะยาว

 

ขณะเดียวกัน ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าภารกิจ “Mission To The Sun” ซึ่งมี 9 โครงการ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ สู่การยกระดับการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัทฯ มุ่งสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 โดยขณะนี้ มี 3 โครงการที่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม นั่นคือ Green Logistics, Digital Health Tech และ Circular

 

  • โครงการ Green Logistics เป็นการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาปรับใช้กับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ได้แก่ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า  การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการดำเนินงานของยานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศในระยะยาว

  • โครงการ Digital Health Tech เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการและโซลูชันการดูแลสุขภาพ โดยการพัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit ซึ่งเป็นเครื่องมือดูแลด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้สมัครใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพแบบองค์รวมได้ง่ายขึ้น อาทิเช่น การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพย้อนหลังได้ทุกที่ทุกเวลา การปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพกับแพทย์ผ่านทางวิดีโอคอล โดยร่วมกับพันธมิตร อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ในการนำเสนอบริการต่างๆ

  • โครงการ Circular เป็นการรวบรวมไอเดียจากแต่กลุ่มธุรกิจที่นอกจากจะช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศของบริษัทฯ แล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน หรืออาจเกิดเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ได้ อาทิ  การจัดการขยะอุตสาหกรรมของโรงงานนึงเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบของโรงงานอื่น หรือเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม

 

 

สำหรับผลการดำเนินงานของ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในช่วงครึ่งแรก ของปี 2566 มีความโดดเด่น มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรกว่า  5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

สะท้อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการที่ดีเหนือความคาดหมาย ยังส่งผลให้บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายการดำเนินงานของสิ้นปี 2566 ให้สูงขึ้นจากที่กำหนดไว้ก่อนหน้าในช่วงต้นปี

 

ธุรกิจโลจิสติกส์

มุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ และแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมอร์ซ  และอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve  นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างพันธมิตรในระยะยาว

พร้อมนำนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลและแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนเข้ามาใช้ทั้งระบบ ตั้งแต่โครงการ Green Logistics โครงการอาคารสีเขียว โดยตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการใหม่รวม 200,000 ตารางเมตร และมีสินทรัพย์ภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารรวมทั้งสิ้น 2,900,000 ตารางเมตร

ในส่วน Office Solutions บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายโครงการอาคารสำนักงานบนทำเลที่ดีเยี่ยมของกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 5 โครงการ บนพื้นที่รวมมากกว่า 120,000 ตารางเมตร และเริ่มขยายสู่โครงการพาณิชยกรรมรูปแบบใหม่ๆ อย่างไลฟ์สไตล์รีเทลสเปซ พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ใกล้สถานีบีทีเอสสุรศักดิ์ ถนนสาทร ที่พร้อมเปิดช่วงต้นปี 2567 และโครงการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในย่านสาทร พื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

 

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง ปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรม 13 แห่งในประเทศไทยและเวียดนาม คิดเป็นพื้นที่รวม 71,300 ไร่

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 1 แห่ง และส่วนขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีก 3 แห่งในประเทศไทย รวมพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา 5,700 ไร่ สำหรับในประเทศเวียดนาม เร่งการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหงะอาน เฟส 2 ที่มีพื้นที่รวมกว่า 2,215 ไร่ ให้ทันกับความต้องการของลูกค้า

ส่วนนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 2 แห่งอยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาตลงทุน ทั้งนี้ ผลจากกระแสการย้ายฐานการผลิต บริษัทฯ จึงได้ปรับเป้ายอดขายที่ดินรวมทั้งในประเทศไทยและเวียดนามสำหรับปี 2566 จาก 1,750 ไร่ ที่เคยประกาศไว้เมื่อต้นปี
เป็น 2,750 ไร่

 

ธุรกิจสาธารณูปโภค

น้ำ ยังคงเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงผลิตน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และบำบัดน้ำ 1.9  ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 4 ปี 2566 นี้

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนหาโอกาสการขยายตลาดสู่ลูกค้าภายนอกนิคม โดยล่าสุดมีการลงนามในสัญญาการซื้อขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ให้กับลูกค้า 2 รายในนิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE4 คิดเป็นปริมาณน้ำรวม 4.6 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีปริมาณยอดจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรม น้ำมูลค่าเพิ่ม และปริมาณการบำบัดน้ำเสียในประเทศไทยและเวียดนามรวมทั้งหมด 168 ล้านลูกบาศก์เมตร

ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และขยายสู่ตลาดใหม่ในประเทศอื่นๆ ควบคู่กับการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งการหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจเพื่อสร้าง New S-Curve

อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS : Battery Energy Storage Systems) ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS)

สำหรับเป้าหมายปี 2566 บริษัทฯ จะมีการเซ็นสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) เพิ่มเติมหลายโครงการและคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 192 เมกะวัตต์ โดยมีเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมจากโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) รวมทั้งสิ้น 300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจะอยู่ที่ 847 เมกะวัตต์

 

ธุรกิจดิจิทัล

เดินหน้าโครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจของ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งสร้างพันธมิตรใหม่ๆ ในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี

นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับ 3 กลุ่มธุรกิจ ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในการนำเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าเพิ่ม อาทิ แดชบอร์ดแสดงผลการทำงานของแผงพลังงานแสงอาทิตย์และอุปกรณ์ตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานของแผง รวมไปถึงเครื่องมือวิเคราะห์ ระบบอัตโนมัติและอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ที่ใช้ในระบบจัดส่งน้ำ

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit โซลูชันสำหรับดิจิทัลเฮลธ์เทคอย่างต่อเนื่อง และเปิดตัวเวอร์ชันสองในปี 2566 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การแสดงข้อมูลด้วยภาพ (Data Visualization) และการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล

 

 

“ด้วยแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจซึ่งมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เรามีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้สำหรับสิ้นปี 2566 ขณะเดียวกันก็เสริมศักยภาพในด้านต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็น Technology Company อย่างเต็มรูปแบบในปี 2567

และเดินหน้าแคมเปญ WHA: WE SHAPE THE FUTURE เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับผู้คน สังคม และประเทศไทย สอดคล้องกับพันธกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป The Ultimate Solution for Sustainable Growth” จรีพรกล่าวทิ้งท้าย

[อ่าน 956]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลาซาด้าเปิดศึก 9.9 ลดอลังปังทุกแบรนด์ ดึงกระแสโซเชียล “ช้อปยังไงก็ไม่รู้สึกผิด”
เอเซอร์ เปิดตัวแล็ปท็อป TravelMate X14 AI พร้อมโปรเจ็กเตอร์รักษ์โลก Vero
แฟชั่นนิสต้าห้ามพลาด! เซ็นทรัลพัฒนา จับมือ บัตรเครดิต ttb เสิร์ฟแคมเปญ “ช้อปตัวแม่”
New Balance เปิดคอนเซ็ปต์สโตร์ใหญ่สุดในไทยที่ CENTRAL PARK ประเดิมขายรุ่น 1906L สีใหม่ 10 ก.ย. นี้
Lee ปลุกตำนานยีนส์ ดึง Zhang Linghe นั่ง Brand Ambassador APAC
มาสเตอร์การ์ด–Beam เปิดตัว “Beam Bolt” พลิกโฉม SME ไทยสู่ดิจิทัลเพย์เมนต์
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved