กรณีศึกษา Ruinart กับตำนานบรรจุภัณฑ์แชมเปญที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 100%
27 Dec 2023

Ruinart แบรนด์แชมเปญที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งเมื่อปี 2272 ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้ชายคา LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton SA เป็นตำนานของแบรนด์เครื่องดื่มแอกอฮอล์หรูที่มุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด

 

ทีมงานของ Ruinart ใช้เวลากว่า 3 ปีในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบพลิกโฉม เพื่อห่อหุ้มขวดแชมเปญราวกับเป็นผิวหนังชั้นที่ 2 จึงถูกเรียกขานว่าเป็น The Second Skin Case การออกแบบด้วยความใส่ใจสิ่งแวดล้อมนี้รีไซเคิลได้ 100% ผสมผสานกับภาพเงาอันเป็นเอกลักษณ์ของขวดอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ruinart ได้อย่างลงตัว ขณะเดียวกันก็รักษาความสมบูรณ์แบบของรสชาติไว้จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่เปิดขวดดื่ม

 

 

เมื่อแรกเห็น ขวดนี้ดูน่าหลงใหลในทันที ด้วยรูปทรงที่ไม่เหมือนบรรจุภัณฑ์ใดๆ ที่ตลาดไวน์และสุราใช้อยู่ในปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์ใหม่ของ Ruinart ที่ถึงแม้จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2563 แต่จนถึงทุกวันนี้ก็แทบจะเป็นดีไซน์ที่ดูหลุดโลกมากเลยทีเดียว

ดังที่ชื่อ The Second Skin Case สื่อถึงบรรจุภัณฑ์ที่หรูหรา และน่าจดจำนี้จำลองรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของขวด Ruinart ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โดยเพิ่มความสง่างามของส่วนโค้งที่โอบกอดขวดไว้ มีความเบาบางด้วยโครงสร้างจากเส้นใยเซลลูโลส 100% พื้นผิวของผิวหนังชั้นที่ 2 นี้ ชวนให้นึกถึงผนังของ Crayères de Reims เหมืองชอล์กโบราณ และห้องเก็บไวน์ธรรมชาติที่ใช้บ่มแชมเปญ Ruinart

ทำให้บรรจุภัณฑ์นี้ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ เปิดและปิดได้ด้วยตัวล็อกที่ด้านข้างซึ่งเป็นกระดุมกระดาษ 100% ซึ่งเป็นความสำเร็จทางเทคนิคที่สำคัญมาก เพื่อเผยให้เห็นขวดที่อยู่ในผิวหนังชั้นที่ 2 ซึ่งรูปทรงของบรรจุภัณฑ์หรือเคส ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับส่วนโค้งของขวดที่เป็นสัญลักษณ์สืบทอดมานับตั้งแต่ 18 ศตวรรษ

 

นอกจากรูปลักษณ์ที่หรูหราแล้ว บรรจุภัณฑ์ใหม่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษอีกด้วย เพราะได้รับการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีน้ำหนักเบากว่ากล่องของขวัญ Ruinart รุ่นก่อนหน้าถึง 9 เท่า (เพียง 40 กรัม เทียบกับ 360 กรัมรุ่นก่อน)

รอยเท้าคาร์บอนลดลง 60% และ 100% ของกระดาษมาจากป่าในยุโรปที่ได้รับการจัดการอย่างยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น 91% ของน้ำที่ใช้ยังสะอาดพอที่จะปล่อยกลับสู่ธรรมชาติหลังจากการกรองอีกด้วย และผลิตโดยไม่มีการขนส่งทางอากาศใดๆ

แน่นอนว่านวัตกรรมเหล่านี้ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของแชมเปญ Ruinart แม้ว่าจะบางเฉียบ แต่ผิวหนังชั้นที่ 2 ก็สามารถทนทานต่อความชื้นและการขนส่ง ทั้งยังช่วยปกป้องไวน์จากแสงแดดอีกด้วย ซึ่งจำเป็นต่อการเก็บรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับขวดแก้วใสของ Ruinart Blanc de Blancs

 

 

อย่างไรก็ตาม กระดาษเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะกรองแสงทั้งหมดได้ ดังนั้นจึงต้องมีการวิจัยและทดสอบเพิ่มเติมเพื่อค้นหาเทคนิคใหม่ โดยใช้ส่วนผสมเซลลูโลสซึ่งอุดมไปด้วยเมทัลลิกออกไซด์ธรรมชาติ ซึ่งใช้ในการผลิตเครื่องสำอางออร์แกนิกป้องกันแสงแดด เพื่อเพิ่มความทึบแสง

การทดสอบได้ดำเนินการกับต้นแบบใหม่แต่ละอันเพื่อให้แน่ใจว่ารสชาติของไวน์ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างไร้ที่ติ และยังต้องทำการทดสอบอีกหลายครั้งเพื่อตรวจสอบด้านเทคนิคของเคส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดปิด รวมถึงการตัดด้วยวอเตอร์เจ็ทแรงดันสูงเพื่อให้แน่ใจว่าได้ขอบที่ไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเสิร์ฟแชมเปญด้วย เนื่องจากตัวเคสทนทานต่อความชื้น จึงสามารถใส่ในถังน้ำแข็งได้นานหลายชั่วโมงและยังคงสภาพเดิมอยู่

ซึ่งหมายความว่าไม่ได้ออกแบบมาให้ถอดออกเมื่อเสิร์ฟแชมเปญ ถือเป็นวิธีการเสิร์ฟแบบใหม่ที่ทรงเกียรติยิ่งกว่าเดิม สิ่งสำคัญที่สุดคือ รสชาติและความละเอียดอ่อนอันน่าหลงใกลของ Ruinart จะไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

 

ที่น่าสนใจคือ นวัตกรรมนี้เป็นผลพลอยได้จากการตัดสินใจของทีมงานของ Ruinart เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในการยกระดับความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนขึ้นไปอีกขั้น

ดัชนีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม (IPE) ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัดผลกระทบของโครงการทั้งหมดภายใน Moët Hennessy ซึ่งเป็นแผนกไวน์และสุราของ LVMH นับตั้งแต่ปี 2558 Ruinart สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยการเปิดตัวกล่องที่เบากว่า 50 กรัม ซึ่งช่วยประหยัดกระดาษได้กว่า 200 ตันในขณะนั้น

และในปีเดียวกันนั้นเอง บริษัทฯ ยกเลิกการห่อกล่องด้วยพลาสติกทั้งหมด ซึ่งช่วยประหยัดวัสดุได้อีก 26 ตัน นอกจากนี้ การรีไซเคิลยังได้รับการปรับปรุงโดยการทำให้วัสดุบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ง่ายต่อการคัดแยก

 

 

"The Second Skin Case เกิดขึ้นจากความเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องและจริงจังนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ไกลยิ่งขึ้นตั้งแต่เริ่มแรก แม้กล่องปี 2558 จะออกแบบมา

โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่เราได้มาถึงขีดจำกัดของการออกแบบเชิงเศรษฐกิจนิเวศ (Eco-design) เราจึงใช้ความพยามอีกครั้งในการประดิษฐ์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นกรณีศึกษาที่ยั่งยืน

โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความปรารถนาที่จะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่จำเป็น ซึ่งหมายถึงการสร้างขยะให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ในขณะเดียวกันก็ปกป้องแชมเปญของเราด้วย ซึ่งนั่นทำให้เรานำเสนอความหรูหราแห่งอนาคตที่สร้างความตระหนักรู้และมีส่วนร่วม ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งสุนทรียภาพอันวิจิตรบรรจง หรูหรา และร่วมสมัยไว้เช่นเคย”

Marie Lipnitzky ผู้จัดการแบรนด์ต่างประเทศของ Ruinart และผู้จัดการโครงการสำหรับ The Second Skin Case กล่าว

 

ความพิถีพิถัน และความละเอียดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกนี้ ยังรวมถึงข้อกำหนดที่ว่าโรงงานกระดาษจะต้องตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำ เนื่องจากน้ำเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในกระบวนการผลิต 

เคสผิวหนังชั้นที่ 2 จึงถูกผลิตขึ้น ทั้งหมดที่โรงงาน James Cropper ในอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่า Burnside ริมอุทยานแห่งชาติ Lake District ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอันงดงาม อุทยานแห่งนี้ได้รับการจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกของ UNESCO และกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงงาน James Cropper ได้รับการรับรองว่าเคารพต่อสิ่งแวดล้อม

 

 

เคสได้รับการขึ้นรูปซ้ำแล้วซ้ำอีก จากนั้นกดเพื่อให้เส้นใยเซลลูโลสแข็งตัวรอบส่วนโค้งของขวดก่อนนำไปทำให้แห้ง ในระหว่างกระบวนการนี้ น้ำที่ใช้ 91% จะถูกรีไซเคิล และสะอาดพอที่จะปล่อยกลับลงสู่แม่น้ำ ครึ่งหนึ่งของอีก 9% ที่เหลือจะระเหยไปเมื่อเยื่อกระดาษแห้ง และอีกครึ่งหนึ่งจะสอดคล้องกับความชื้นตามธรรมชาติ

ด้วยเหตุนี้ The Second Skin Case จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า ถือเป็นบรรจุภัณฑ์และการผลิตที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม 100% ทั้งการใช้น้ำน้อยที่สุดในกระบวนการผลิตและการใช้วัสดุชนิดเดียวช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม และกระดาษ 100% ซึ่งมาจากป่ายุโรปที่ได้รับการจัดการเชิงนิเวศน์ ช่วยให้สามารถรีไซเคิลได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ตัวเคสยังเบาเป็นพิเศษ โดยมีน้ำหนักเพียง 40 กรัม ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ Ruinart สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเคสลง 60% ตลอดวงจรชีวิตทั้งหมด เมื่อเทียบกับกล่องรุ่นก่อนหน้า ตั้งแต่การจัดหาวัสดุ และการเปลี่ยนแปลงไปจนถึงการขนส่ง และการส่งมอบ ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ใหม่นี้ ได้เข้ามาแทนที่กล่องสำหรับบรรจุแชมเปญเพียงขวดเดียวของ Ruinart เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 เป็นต้นมา

 

สำหรับขวดขนาด 75 มล. ที่จำหน่ายแยกกันในฝรั่งเศสและยุโรปตะวันตก ตามด้วยขวดแม็กนั่ม (1.5 ลิตร) ในปี 2564 โดย The Second Skin ห่อหุ้มกลุ่มผลิตภัณฑ์ Ruinart ทั้งหมดเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา

 

 

"Ruinart กระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะเป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้อุตสาหกรรมทั้งหมด และภาคส่วนอื่นๆ หันมาใช้โซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนที่เป็นนวัตกรรมใหม่

เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นแนวทางใหม่นี้ถูกนำมาใช้โดยแบรนด์ไวน์และสุราอื่นๆ หรือแม้แต่ผู้ผลิตน้ำหอม และเครื่องสำอาง เนื่องจากแนวทางนี้จะได้ผลดีพอๆ กันสำหรับภาคส่วนนั้น

เราเชื่อว่าการแก้ปัญหาที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ มีส่วนช่วยอย่างมาก กระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์นี้ไม่ได้รับการจดสิทธิบัตร และเราหวังว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ จะได้รับแรงจูงใจให้ใช้บรรจุภัณฑ์นี้เช่นกัน” Marie Lipnitzky กล่าวเสริม

 


บทความจากนิตยสาร MarketPlus ฉบับที่ 162 เดือนพฤศจิกายน 2566

[อ่าน 327]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เซ็นทรัลพัฒนา” ท้าโชว์ฝีมือ Gen ภาพ AI เปิดประสบการณ์ Digital Lifestyle
ซัมเมอร์นี้ เป๊ปซี่® แท็กทีม PROXIE X NENE “ถ้าใจว่าใช่ ต้องเป๊ปซี่ ซ่าหน่อยมั้ย?”
ส่องไอเทมสุดฮอต เอ็กซ์คลูซีฟเจแปนแบรนด์ จากสยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม
'RS' ยกทัพศิลปิน-ดารา ลุยสนามคอมเมิร์ซ ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ “ใบเตย อาร์สยาม”
เอไอเอส X กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม
เอสซีจี ขนกองทัพนวัตกรรมจาก 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงานสถาปนิก 67
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved