พฤกษา เดินหน้าบ่มเพาะผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 ลุยจัดกิจกรรม Accelerate Impact อัดแน่นด้วยเวิร์กชอปเข้มข้นที่จะช่วยพัฒนาความรู้และทักษะด้านธุรกิจ พร้อมทั้งระดมผู้บริหารระดับสูงจากเครือพฤกษามาเป็นโค้ชให้คำปรึกษา เพื่อต่อยอดธุรกิจ พร้อมมีโอกาสรับเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติมจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ เงินลงทุนจากพฤกษาภายใต้ Corporate Venture Capital และโอกาสครั้งสำคัญที่ได้เป็นพันธมิตรกับเครือพฤกษา
อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
โครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 มีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีสุข” ซึ่งทีมผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ผ่านการคัดเลือกในซีซันนี้มี 4 ทีม ได้แก่
“ขณะนี้โครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 ได้เข้าสู่ช่วงของการบ่มเพาะเพื่อให้แต่ละทีมมีความพร้อมทางธุรกิจมากขึ้น โดยเราได้จัดเวิร์กชอปเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภาคธุรกิจต่างๆ อาทิ Techsauce, อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สมาคมผู้ประเมินมูลค่าทางสังคมไทย และ Disrupt Impact Fund มาให้ความรู้ตั้งแต่พื้นฐานการดำเนินธุรกิจ การทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ การวัดผลทางธุรกิจ การต่อยอดธุรกิจเพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน และที่พิเศษคือแต่ละทีมจะมีผู้บริหารระดับสูงจากเครือพฤกษามาเป็นสปอนเซอร์คอยให้คำแนะนำ นอกจากนี้ยังมีพนักงานที่มีความชำนาญด้านอสังหา เฮลท์แคร์ อีคอมเมิร์ซ มาช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด และช่วยให้แต่ละทีมเข้าถึงทรัพยากรในเครือพฤกษา อาทิ การเข้าถึงลูกบ้านเครือพฤกษา การหาพันธมิตรที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโต” นายอุเทน กล่าว
สำหรับการทำงานร่วมกันจะทำงานภายใต้คอนเซปต์ X-Team ที่ประกอบไปด้วยพนักงานพฤกษาที่มีความเชี่ยวชาญและความรู้เฉพาะทางหลากหลายสาขาเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของทีม อีกทั้งยังรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่คอยประสานกับส่วนงานอื่นๆ ภายในพฤกษาเพื่อผลักดันให้ธุรกิจสามารถต่อยอดและเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น
โดยในซีซันนี้มีพนักงานพฤกษาที่อาสาสมัครร่วมเป็น X-Team จำนวน 32 คน ซึ่งทั้ง 32 คนจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ทีม เพื่อร่วมเวิร์กชอปและทำงานตามความถนัดของตนเองร่วมกับผู้ประกอบการทีมนั้นๆ โดยทุกคนจะคอยเชื่อมต่อกับหน่วยงานอื่นๆ และคอยสนับสนุนการเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ซึ่งถือเป็นรูปแบบการทำงานที่ทำให้พนักงานทั้งองค์กรได้มีส่วนร่วมกับโครงการด้วยเช่นกัน โดยแต่ละทีมได้รับการสนับสนุน ดังนี้
“วิธีการบ่มเพาะที่เข้มข้นเหล่านี้ส่งผลให้ทั้ง 4 ทีมพัฒนาขึ้นอย่างมาก เราหวังว่าทุกทีมจะมีความพร้อมที่จะออกไปสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคม สามารถพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้คนมีความอยู่ดีมีสุขได้ตามเป้าหมาย
และในเดือนเมษายนนี้ เราจะจัดกิจกรรม Demo Day เพื่อให้ทุกทีมได้นำเสนอแผนธุรกิจอีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสในการรับเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติมจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ เงินลงทุนจากพฤกษาภายใต้ Corporate Venture Capital และอาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะได้ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจกับเครือพฤกษาด้วย” อุเทน กล่าวในตอนท้าย