ฮ่องกง ยังน่าสนใจหรือไม่ เมื่อไม่มีสถานะพิเศษ
21 Sep 2020

 

สืบเนื่องจากวันที่ 14 กรกฎาคม 2020 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่ง ฝ่ายบริหาร ยุติการให้สถานะพิเศษ แก่ฮ่องกง เพื่อตอบโต้การประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีต่อฮ่องกง ทำให้ฮ่องกงไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ รวมทั้งสิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างฮ่องกงกับสหรัฐอเมริกา ทั้งยังสั่นคลอนต่อสถานะศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุนที่สำคัญของโลกอีกด้วย

 

การค้าระหว่างสหรัฐฯ และฮ่องกง

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในอันดับแรกของฮ่องกง รองมาคือ จีน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักรและอินเดีย คิดเป็นสัดส่วนการส่งออก 25.20%, 15.99%, 15.62%, 10.94% และ 5.82% ตามลำดับ

 

 

สำหรับการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ของฮ่องกงไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ เพชรเจียระไน เครื่องประดับทอง เครื่องประดับเทียม พลอยเนื้อแข็งเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน คิดเป็นสัดส่วน 42.62%,  29.12%, 7.20%, 3.51%, และ 2.03% ตามลำดับ

 

อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของฮ่องกงเป็นที่ขึ้นชื่อ และยอมรับทั่วโลก เครื่องประดับหรูของฮ่องกงมีราคาตั้งแต่ ปานกลาง ถึงระดับสูง สินค้าที่นิยมคือ เครื่องประดับทอง เครื่องประดับทองตกแต่งอัญมณี เช่น เครื่องประดับแพลทินัมและเครื่องประดับทอง 14 กะรัต หรือ 18 กะรัต ตกแต่งด้วยเพชร ซึ่งทักษะฝีมือ และการออกแบบของช่างฮ่องกงเป็นที่ยอมรับในระดับโลกเทียบเท่าฝีมือช่างในยุโรปในอีกด้านหนึ่งฮ่องกงถือเป็นประตูทางการค้าของจีนในการส่งผ่านและ/หรือกระจายสินค้าของอัญมณีและเครื่องประดับไปยังส่วนต่างๆของโลก รวมถึงเป็นฐานในกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่เครื่องประดับเพื่ออาศัยสิทธิในการเป็นแหล่งกำเนิดสินค้า ขณะที่กระบวนการผลิตจีนย้ายไปใช้เซินเจิ้น และปันหยูเป็นฐานการผลิตหลัก      

 


ผลกระทบหลังยกเลิกสิทธิพิเศษ

สามารถแยกผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้

1. ผลกระทบด้านการลงทุน

2. ผลกระทบด้านการกีดกันทางการค้า

3. ผลกระทบการปฏิเสธฉลากระบุถิ่นกำเนิดสินค้าในฮ่องกง

4. ผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยน

5. ผลกระทบการเดินทางและการขอวีซ่า


 

โอกาสต่อธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับไทย

สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ส่งออกจากฮ่องกงนั้นจำนวนไม่น้อยเป็นสินค้ามาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งผ่านมายังฮ่องกง ในฐานะที่เป็นตัวเชื่อมต่อไปยังตลาดอื่นๆ ของโลก โดยใช้สิทธิพิเศษของฮ่องกง เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยอัตราภาษีหมวดอัญมณีและเครื่องประดับปัจจุบันอยู่ที่ 0-13.5% และหากสหรัฐฯ กดดันให้ประเทศคู่ค้าอื่นโดยเฉพาะอียูและญี่ปุ่น ใช้มาตรการเดียวกัน ย่อมส่งผลกระทบให้ศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกสั่นคลอน รวมทั้งจีนก็มีแนวโน้มลดการพึ่งพาฮ่องกงมากขึ้น โดยมีการผลักดันเมืองใหญ่หลายเมืองขึ้นมาแทนที่ ภายใต้แผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ Greater Bay Area ซึ่งนอกจากฮ่องกง ยังมีมาเก๊า เซินเจิ้น และ อีก 8 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง

 

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือ การย้ายฐานการผลิตของจีนในขั้นตอนการเพิ่มมูลค่าและการใช้เป็นฐานส่งออกเพื่อใช้สิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าในการหลีกเลี่ยงนโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งความใกล้ชิดของอาเซียนและจีนภายใต้ข้อตกลงทางการค้าที่มีต่อกัน มีส่วนเกื้อหนุนให้จีน ขยายเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ มาที่อาเซียน ซึ่งผูกพันกับภาคการผลิตของจีนอย่างมาก รวมถึงมีจีนเป็นตลาดส่งออกหลักในสินค้าหลายรายการ โดยไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจด้วยการมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดี ภูมิประเทศเชื่อมโยงหลายประเทศในอาเซียน ตลอดจนมีการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงภูมิภาค และนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ฝีมือช่างเจียระไนเพชรพลอยของไทยเป็นที่รู้จักขึ้นชื่อในระดับโลก การใช้ไทยเป็นฐานการผลิตการสร้างมูลค่าเพิ่มและฐานในการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจึงเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้

 

นอกจากนี้ ไทยยังสามารถใช้โอกาสนี้ขยายการส่งออกไปยังสหรัฐฯ แทนฮ่องกง ซึ่งสินค้าสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะในหมวดสินค้าที่ไทยมีความโดดเด่น เช่น เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็ง และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน และเพชรเจียระไน ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ไทยส่งไปยังสหรัฐฯ ในสัดส่วน 38.87%, 27.11%, 13.30%, 7.39% และ 6.01% ตามลำดับ อีกทั้งในรายการเครื่องประดับเงินและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนยังเป็นรายการที่ไทยยังไม่ถูกตัดสิทธิ GSP จากสหรัฐฯ ทำให้ได้เปรียบจีนและฮ่องกง ด้วยอัตราภาษี 0% ซึ่งมีตารางแสดงรายละเอียดอัตราอากรขาเข้าของสหรัฐฯ ที่จัดเก็บต่อจีน ฮ่องกง และไทย ดังนี้

 

 

เหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงย้ายฐานการผลิต การลงทุน จากฮ่องกงมายังภูมิภาคอาเซียนได้ การเตรียมความพร้อมเพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพที่น่าสนใจย่อมดึงดูดการค้าการลงทุนจากประเทศคู่ค้าสำคัญได้ไม่ยากนัก หากเราใช้เหตุนี้ในการสร้างโอกาสพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลกได้ ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ในไม่ช้า

 


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

 

[อ่าน 2,287]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved