ปี 2564 เป็นปีที่ เอไอเอ ประเทศไทย นำทัพโดย กฤษณ์ จันทโนทก ซีอีโอคนไทยคนแรก และเป็นขวบปีแรกที่บริษัทประกันชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้ 'บริหารโดยคนไทย เพื่อคนไทย' โดยแท้ความยิ่งใหญ่ของ เอไอเอ ประเทศไทย มิใช่เพราะความเก่าแก่ที่สุดในอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่อยู่เคียงข้างคนไทยในทุกช่วงชีวิตมายาวนานกว่า 83 ปี หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 เท่านั้น
เพราะปัจจุบันนี้ เอไอเอ ประเทศไทย มีขนาดของธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากจีนเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจเอไอเอด้วยกัน ที่สำคัญผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมายังถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ขององค์กร ด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงถึงร้อยละ 52 เปรียบเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานในด้านความคุ้มครอง และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือยูนิต ลิงค์ ที่มีความยืดหยุ่นและเป็นเครื่องมือในการบริหารการเงินที่เหมาะสมในช่วงเวลาเช่นนี้
ยุทธศาสตร์ของ เอไอเอ ประเทศไทย นับจากปี 2564 เป็นต้นไป คือการมุ่งสร้าง ‘ความเป็นหนึ่ง’ ในทุกมิติอย่างครอบคลุม โดยได้ปักหมุด 5 ยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนองค์กรครั้งใหญ่ ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมสินค้า และการบริการที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเจเนอเรชั่น พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่อยู่เคียงข้าง ช่วยเติมเต็มทุกความต้องการ ด้านการประกันชีวิต สุขภาพ และการวางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับหนุนความมั่นคง และมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้แก่คนไทยในทุกช่วงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลา แห่งความท้าทายนี้ ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’
5 ยุทธศาสตร์ สู่ความเป็นหนึ่ง
กฤษณ์ จันทโนทก ซีอีโอไทยคนแรกของ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ประกาศ 5 ยุทธศาสตร์ มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่ความเป็นหนึ่งในทุกมิติ อันได้แก่
3 นวัตกรรม รับไลฟ์สไตล์ยุค New Normal
จากความท้าทายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีความรุนแรงต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นเสมือนตัวเร่งให้คนไทยเข้าสู่ยุค Digital Disruption อย่างเต็มรูปแบบ เอไอเอ ประเทศไทย ได้นำ 3 นวัตกรรม ‘ALive Powered by AIA’ ‘AIA iSign’ และ ‘AIA iService’ มาใช้ขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่มในยุค New Normal ควบคู่ไปกับสนับสนุนให้คนไทยได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม พร้อมความสะดวกสบายสูงสุดในการเข้าถึงบริการเพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทาง รวมถึงการพบเจอกันของทั้งฝั่งตัวแทนและลูกค้า
กฤษณ์กล่าวถึง ALive Powered by AIA แอปผู้ช่วยส่วนตัวดูแลครบเรื่องครอบครัว ว่า
“ALive เป็นแอปพลิเคชันทางด้านสุขภาพที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่กำลังวางแผนมีบุตร กำลังตั้งครรภ์ รวมถึงพ่อแม่มือใหม่ ด้วย 5 ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพตามช่วงวัย และความต้องการที่แตกต่างกันของคนในครอบครัวอย่าง ‘การปรึกษาแพทย์และพยาบาลออนไลน์, แชตกลุ่ม, กิจกรรมไลฟ์, บทความและวิดีโอ, ระบบบันทึกความทรงจำ’ พร้อมความร่วมมือระหว่างพันธมิตรชั้นนำ และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพครอบครัว ทั้งโรงพยาบาลสมิติเวช และ theAsianparent เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าตลอดการใช้งาน”
สำหรับ AIA iSign ซึ่งเป็นการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยโดยการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นครั้งแรกในประเทศไทยนั้นกฤษณ์ กล่าวว่า
“ AIA iSign เป็นนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้น เพื่อมุ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถสมัครทำประกันภัยได้โดยไม่ต้องพบหน้า ‘จบ - ครบ’ ในกระบวนการเดียว และมีความปลอดภัยสูง ให้ผู้สมัครสามารถลงนามแบบ Remote Signature (การลงรายมือชื่อจากระยะไกล) ในใบสมัครและเอกสารประกอบทั้งหมดได้ โดยมีตัวแทนเป็นผู้เสนอขายประกันแบบ Digital Face to Face ภายในระบบ iPoS+ ครอบคลุมการทำประกันทุกประเภท ซึ่งถือเป็นบริการตามแนวทางการเข้าร่วมโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการสำหรับธุรกิจประกันภัย (Insurance Regulatory Sandbox) ตามประกาศ คปภ. พ.ศ. 2564
ปัจจุบันมีการขายผ่าน AIA iSign ถึง 40% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า AIA iSign ‘เวิร์ก’ และพลังตัวแทนของเอไอเอที่พร้อมจะปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลก่อนคนอื่นโดยขณะนี้มีคนดาวน์โหลดและลงทะเบียนแล้วประมาณ 5 ล้านคน และที่สำคัญคือมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นแอปพลิเคชันหลัก ที่ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องติดต่อกับตัวแทน หรือเข้ามาที่สำนักงาน”
ส่วน AIA iService โฉมใหม่ กฤษณ์ กล่าวถึงนวัตกรรมนี้ว่าเป็นแอปพลิเคชันรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับกรมธรรม์ไว้ครบในที่เดียวตั้งแต่บริการยืนยันตอบรับข้อมูลกรมธรรม์ฉบับใหม่ (Freelook), การชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิต, การตรวจสอบสถานะสินไหมและบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์ รวมถึงการทำรายการสับเปลี่ยนกองทุนที่ลงทุนไว้สำหรับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ยูนิตลิงค์ นอกจากนี้ ยังปรับโฉมเมนู ‘สิทธิพิเศษ’ ที่รวบรวมหลากหลายสิทธิพิเศษจากพันธมิตรไว้สำหรับลูกค้าเอไอเอ และสมาชิก ‘เอไอเอ เพรสทีจ คลับ’ พร้อมให้ลูกค้าได้เข้าถึงบริการได้สะดวกครบรอบด้าน ‘ง่าย - จบ- ครบ’ ในแอปเดียว
“ในปีนี้ เอไอเอ ยังคงเน้นลงทุนทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากเรามีความเชื่อว่า สมรภูมิธุรกิจจริงๆ แล้วอยู่ที่ข้อมูลและถ้าใครนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ชนะ ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับData Analytics (การวิเคราะห์ข้อมูล) เป็นอย่างมาก”
Lesson Learned จาก โควิด-19
กฤษณ์กล่าวถึง Lesson Learned จากสถานการณ์โควิด-19 ว่า สถานการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ทำให้ผู้คนยิ่งตระหนักถึงความสำคัญของการมีประกัน นอกจากนี้ โควิด-19 ยังให้ข้อคิดกับเราถึงปัจจัยความสำเร็จต่างๆ นั่นคือ
1. การปรับตัวมีความสำคัญ ใครเก่งหรือไม่เก่งยังไม่สำคัญเท่ากับคนๆ นั้น ‘ปรับตัว’ ได้หรือไม่ เพราะการปรับตัวถือเป็นจุดสูงสุดที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะในยุควิกฤตโควิด-19
2. ลูกค้าคือผู้ที่กำหนดความสำเร็จ และรูปแบบความต้องการไปสู่อนาคต
3. เทคโนโลยีคือตัวแปรความสำคัญ ที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ เพราะนับจากนี้ พฤติกรรมผู้คนจะเริ่มคุ้นชินกับการสั่งจอง การทำธุรกรรมและการทำอะไรก็ตามได้เพียงปลายนิ้วบนช่องทางออนไลน์ ที่สำคัญ ทุกสิ่งทุกอย่างจะประสานเข้ามาที่ช่องทางนี้จุดเดียว
กฤษณ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการเตรียมพร้อมของ เอไอเอ ประเทศไทย ว่า
“ไม่ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะลากยาวต่อไปอีก 6 เดือน, 12 เดือน หรือ 18 เดือน บริษัทฯ ก็เตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดไว้แล้วทั้งการลงทุน รายได้ และอื่นๆ เนื่องจากที่ผ่านมา เอไอเอ มีวิสัยทัศน์และมีมุมมองต่อธุรกิจในระยะยาวตลอดมา มิได้มองในระยะสั้นหรือระยะกลางเลย
อย่างไรก็ตาม ผมก็เชื่อมั่นว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับ เอไอเอประเทศไทย เนื่องจากเราเองก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพลังตัวแทนอย่างก้าวกระโดดในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 และการทำการตลาดที่ดีนั้นไม่ใช่การลดแลกแจกแถม หากแต่เป็นองค์รวมของการบริการที่ดีที่มีความหมายมากกว่าการเป็นแค่ ‘สินค้าและผลประโยชน์’ หากแต่เป็นการตอบโจทย์ลูกค้าที่เกี่ยวกับการให้คำแนะนำ การให้บริการ การช่วยเหลือให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่างหากที่เป็นมูลค่าเพิ่มที่ลูกค้าต้องการ”