‘ภัทรา มณีรัตนะพร’ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
06 Jun 2016

          คำว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ดูแล้วคงไม่ห่างไกลความจริงนักสำหรับผู้บริหารคลื่นลูกใหม่ทายาทรุ่นที่ 2 ของผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้าน บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด อย่าง ภัทรา มณีรัตนะพร ที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและออกแบบผลิตภัณฑ์ รับช่วงต่อจากคุณพ่อ (พิเชษฐ มณีรัตนะพร) ซึ่งวางมือเพื่อให้ลูกๆ ทั้งสามได้สานต่อกิจการเมื่อ 3 ปีก่อน 

          จากความสนใจในเรื่องการออกแบบเธอจึงเลือกเรียนปริญญาตรีทางด้าน Jewellery Design จาก Central Saint Martins College of Arts and Design  และเบนเข็มมาต่อปริญญาโททางด้าน Marketing Management ที่ University of Westminster ลอนดอน ประเทศอังกฤษ การเลือกเรียนทั้งสองด้าน ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้ ทำให้เราอดสงสัยไมได้ว่า อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอ 

          “จริงๆ แล้วชอบในเรื่องการออกแบบ แล้วที่เลือกมาต่อทางด้านการตลาดเพื่อให้รู้ว่า สิ่งที่เราออกแบบมา ต้องทำแบรนดิ้งอย่างไร อะไรขายได้ อะไรขายไม่ได้ การวิเคราะห์ผู้บริโภค ซึ่งมันก็สำคัญ คุณพ่อไม่ได้บังคับว่าจบแล้วต้องมาทำแลนดี้ โฮม คุณพ่อเป็นคนเปิดกว้างมาก ให้ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากทำ คุณพ่อเชื่อว่าถ้าเราทำอะไรที่เรามีพรสวรรค์ของเราอยู่ มันจะต่อยอดได้ง่ายและจะสำเร็จถ้าเราชอบมัน”

          หลังจากเรียนจบกลับมาประเทศไทย เธอได้มีโอกาสร่วมงานกับเซ็นทรัล ในส่วนของ Business Development เป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่จะเข้ามารับช่วงต่อแลนดี้โฮมอย่างเต็มตัว ด้วยความที่ก้าวเข้ามาบริหารในช่วงผลัดเปลี่ยนทีมการตลาดพอดิบพอดี การเซ็ตทีมใหม่และทำอย่างไรให้ทีมเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมๆ กับการบริหารคนตามแบบฉบับคนรุ่นใหม่ นับเป็นสิ่งที่ท้าทายตั้งแต่เริ่ม 

          “ตอนนั้นยังเด็ก ทำด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันยาก ก็คัดเลือกพนักงานใหม่ ค่อยๆ เซ็ต ลองผิดลองถูกจนมาวันนี้ พอมองกลับไป เฮ้ย! ที่ผ่านมามันเซ็ตยากนะ เรากล้าทำไปได้อย่างไร โชคดีลูกน้องเก่ง(ยิ้ม) ตอนนี้ทีมของนุ่นค่อนข้างสตรอง ไปออกบูธจัดอีเวนต์ทุกเดือนไม่ได้จ้างเอาต์ซอสเลย เพราะชอบทำเอง จัดกันเองตลอดทุกงาน เรามีความสุขกับงานที่เราทำ และมองลูกน้องสำคัญ บางงานเป็นงานรูทีน มันน่าเบื่อ เราก็ไม่อยากให้ลูกน้องเบื่อเดี๋ยวลาออกไป นุ่นก็ไม่โอเค พนักงานทุกคนต้องสนุกกับงาน นุ่นต้องดูพนักงานด้วยว่าอารมณ์พวกเขาตอนนั้นเป็นอย่างไร เขาสนุกกับงานไหม ช่วงนี้มันน่าเบื่อไหม เครียดเกินไปไหม ทีมนุ่นเหมือนครอบครัว คือ บริหารอย่างไรให้เขาแฮปปี้กับการทำงานมากที่สุด” ภัทรากล่าว

          เราถามต่อไปว่าในส่วนของคุณพ่อที่ตอนนี้กลายเป็นที่ปรึกษา ท่านได้ให้คำแนะนำบ้างหรือไม่ ภัทรา เล่าว่า “คุณพ่อค่อนข้างเป็นคนเก่ง จบโทได(มหาวิทยาลัยโตเกียว) มาจากญี่ปุ่น มีหลักการเยอะ สิ่งที่คุณพ่อแนะนำ คือ ความคุ้มในการลงทุน เขาไม่เคยบอกว่ามีเงินเท่านี้ ต้องประหยัด ต้องลงทุนน้อยๆ แต่จะบอกว่า ถ้าอันไหนได้ผลลัพธ์ที่คุ้ม ถึงใช้งบเยอะ แต่ได้ผล ให้ลงทุนได้เลย อย่างองค์กรนี้นุ่นก็เลยกล้าสร้างแบรนดิ้ง นุ่นไม่ต้องมานั่งประหยัดเหมือนหน่วยงานอื่นๆ เรามองว่าถ้าทำแล้วมันได้ผลตอบแทนแบบก้าวกระโดด เราก็กล้าลงทุน คุณพ่อจะดูภาพรวมส่วนใหญ่ ปีหนึ่งจะมีเป้าว่าต้องหาลูกค้ามาให้บริษัทกี่คน ต้องมียอดเท่าไร ยอดพันล้าน นุ่นต้องใช้งบเท่าไร เพื่อให้มันบาลานซ์กัน เขาจะดูแค่ตรงนี้ ส่วนเรื่องดีเทลว่าลูกน้องจะต้องมีกี่คน ต้องทำงาอย่างไร ตรงนี้เขาปล่อยให้บริหารเอง”

          นับว่าการก้าวเข้ามาบริหารกิจการครอบครัวของพี่น้องทั้ง 3 คน โดยพี่สาวคนโต (พรรัตน์ มณีรัตนะพร) ดูในส่วนของภาพรวม ฝ่ายขาย ฝ่ายวิศวกรรม น้องชาย (พานิช มณีรัตนะพร) ดูในส่วนของก่อสร้างและแอดมิน ส่วนเธอเองดูในด้านการตลาดและออกแบบ การเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่นนี้ จากยุคเก่าก้าวมาสู่ยุคใหม่ แน่นอนว่าย่อมมีการเปลี่ยนแปลง 

          “นุ่นมาต่อยอดมากกว่า คุณพ่อเขาสร้างมาดี แบรนดิ้งค่อนข้างสตรอง วันนี้ที่แตกต่างก็คือ บุคลากร ภาพลักษณ์ วัฒนธรรมองค์กร ทันสมัยขึ้น ตั้งแต่นุ่นเข้ามาดูวันแรก นุ่นบอกเลยว่าองค์กรเราต้องนำคู่แข่งด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ ด้วยความมั่นคงและความทันสมัย บริษัทรับสร้างบ้านเก่าๆ ที่เป็นคู่แข่งเรา ออฟฟิศ โชว์รูมเขาก็จะเป็นแค่ตู้โชว์สมัยเก่าๆ นุ่นมาถึงนุ่นบอกเลยว่าไม่ได้ องค์กรเราต้องเป็นเหมือนแอปเปิล ซึ่งนุ่นมองว่าแบรนดิ้ง และภาพลักษณ์สำคัญ ตั้งแต่เข้ามาก็ดูเรื่องภาพลักษณ์ตรงนี้ ปรับใหม่หมด โชว์รูมใหม่ ออฟฟิศใหม่ เมื่อก่อนเป็นโต๊ะทำงานทั่วไป เราก็ปรับให้พนักงานรู้สึกว่าอยู่ในสังคมที่โมเดิร์นขึ้น” 

          สำหรับเป้าหมายภายใต้การบริหารแลนดี้ โฮม ภัทรากล่าวว่า “เราต้องการเป็นผู้นำตลาดในวันข้างหน้า คนที่นึกถึงบริษัทรับสร้างบ้านต้องนึกถึงแลนดี้ โฮม วันนี้เราก็ On The Way ซึ่งเราใกล้เป้าหมายนั้นแล้ว เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา เวลาออกบูธกับสมาคมรับสร้างบ้าน บูธเรายังไม่ใหญ่มาก แต่ตอนนี้บริษัทเราใหญ่ที่สุดและตอนออกบูธเราคือบูธใหญ่สุด เราต้องการกินมาร์เก็ตแชร์ให้ได้มากที่สุด ยิ่งปีนี้เป็นปีที่รายเล็กๆ เริ่มเจ๊ง เพราะไม่มั่นคง ทำให้เป็นปีที่เราเติบโต เพราะลูกค้าเชื่อมั่น ด้วยทุนจดทะเบียนเรา 200 ล้าน ถ้าวันหนึ่งบริษัทประสบปัญหาวิกฤติอะไรขึ้นมาก็สามารถดูแลครอบคลุมได้หมด” 

          ด้วยวัยเพียง 28 ปีกับความรับผิดชอบที่ดูเหมือนจะมากกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกัน นับเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่นั่นดูไม่ใช่อุปสรรค เพราะความเปิดกว้างของผู้เป็นพ่อที่คอยให้คำปรึกษา ส่งเสริมให้การรับช่วงต่อเป็นไปอย่างราบรื่น แม้จะเจออุปสรรคบ้างก็ตาม 

          “พ่อเขาเลี้ยงนุ่นมาแบบเพื่อน คุณพ่อเป็นคนเปิดรับมาก ครอบครัวนุ่นดีจนรู้สึกว่าไม่ต้องมีแฟน คือสนุกด้วยตัวครอบครัวเอง มานั่งประชุมกัน ก็เหมือนมาเม้าท์กันเป็นครอบครัว คุณพ่อเป็นคนใจเย็น วันไหนนุ่นมีปัญหา โทรไปแป๊บเดียวเขามีวิธีคิดและแก้ปัญหาให้ได้ทุกอย่าง ทุกวันนี้ทำงานทุกวัน ชอบทำงาน ตอนนี้มีดูโปรเจกต์เพิ่มก็เลยต้องมาเสาร์อาทิตย์ ต้องนั่งรีเสิร์ช ครอบครัวนุ่นทุกคนเขาทำงานตลอดเวลา ทุกคนโดนคุณพ่อปลูกฝั่งมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนเห็นพ่อเป็นไอดอล พ่อประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ตั้งแต่ชิงทุนไปเรียนเมืองนอกเอง สร้างบริษัทนี้ขึ้นมาเอง และรีไทร์ที่อายุแค่ 52 ปี ถึงตอนนี้เรามีตังค์ไม่ต้องทำงานก็ได้ แต่ทุกคนอยากมีธุรกิจของตัวเอง รวมถึงดูแลแลนดี้ไปด้วย” 

          การที่ต้องทำงานแทบทุกวัน ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่า เธอมีเวลาพักผ่อนหรือพบปะกับเพื่อนๆ บ้างหรือไม่ ภัทราเล่าว่า “ส่วนใหญ่ไปเที่ยวกับครอบครัว ทำงานเป็นหลัก เวลาว่างก็ไปออกกำลังกาย ช่วงนี้เทรนด์เฮลตี้มาแรง กินดี ออกกำลังกายดี ส่วนเพื่อนๆ นุ่นโชคดีที่มีแต่เพื่อนเก่งๆ ชอบคบเพื่อนที่เก่งๆ จะได้แรงบันดาลใจจากพวกเขา เพื่อนกันทำงานหนักพอๆ กัน มีอะไรก็โทรปรึกษากัน ถือเป็นคนโชคดีเวลาอยากจะเปิดโปรเจกต์อะไรใหม่ก็จะมีเพื่อนที่มีความรู้ทางด้านนั้นมาช่วยซัพพอร์ต ไม่ได้คิดว่าตัวเองหนักอยู่คนเดียว เพื่อนๆ ก็เข้าใจและเติบโตไปพร้อมกัน แต่ละคนทำงานยุ่ง ว่างๆ ก็มาฟิตเนสด้วยกัน 4-5 คน กินข้าวเบาๆ เสียส่วนใหญ่” 

          จากการได้พูดคุยกับเธอทำให้เราเรียนรู้ว่า ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยผลักดันให้คนๆ หนึ่งได้ก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จ ด้วยการให้อิสระทางความคิดและได้ลองทำในสิ่งที่ตนเองรัก เพราะเมื่อไรที่เราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและได้รับการส่งเสริมที่ดีพอ ผลลัพธ์ย่อมมีค่าเสมอ   

          “เวลาเริ่มทำอะไรใหม่ๆ มันต้องลองผิดลองถูก ต้องกล้า อย่าไปท้อ ต้องเฟลสัก 10 ครั้ง ถึงจะได้ของดี นุ่นก็อยากจะเปิดโปรเจกต์ใหม่ๆ เยอะไปหมด ทดลองทำนู่นทำนี้ ก็มีเฟลบ้าง แต่มันทำให้เราได้เรียนรู้ เราก็ลองมาเยอะกว่าจะมาถึงตรงนี้ คือไม่มีประสบการณ์เลย ต้องกล้าลอง คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องกล้าให้ลูกลอง” ภัทรากล่าวทิ้งท้าย

[อ่าน 2,528]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
Future Food เทรนด์อาหารแห่งอนาคตเพื่อโลกที่ยั่งยืน กับมุมมองของไทยยูเนี่ยน
เจน - ชลันดา ศรีวิทิตกุล Interior Designer ที่ผสานเทคโนโลยีเข้ากับงานออกแบบ
ถอดรหัส HERO BRAND กลยุทธ์สร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนของ ”ซัคเซสมอร์”
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved