โรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ ความท้าทายใหม่ของ นิวัตต์ จิตตาลาน
06 Jun 2016

         มิได้ห่างหายไปไหนไกลเลยสำหรับนักยุทธศาสตร์ตัวยงอย่าง นิวัตต์ จิตตาลาน อดีตซีอีโอ บมจ.บัตรกรุงไทย (เคทีซี) ด้วยว่า วันนี้มี โรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ โรงเรียนที่ก่อตั้งมา 28 ปีเป็นความท้าทายชิ้นใหม่ หลังปั้นบัตรเครดิตเคทีซีจากยุคที่มีฐานบัตรเพียง 7 หมื่นใบและมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สูงถึง 3,000 ล้านบาทให้กลายเป็นเบอร์ 1 ของตลาดบัตรเครดิตได้ในปี 2003

         ในฐานะที่ปรึกษาของโรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ นิวัตต์ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ ดร.พริ้มรส มารีประสิทธิ์ ผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้หญิงเก่งของทศวรรษนี้ ทายาท อาจารย์ อาจิณ มารีประสิทธิ์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนและทำงานใกล้กับคุณพ่อมายาวนานถึงสิบปี ทำให้เพ็ญสมิทธ์วันนี้มี ‘สองผสาน’ จากนักบริหารการศึกษาอย่างดร.พริ้มรสและนิวัตต์ นักยุทธศาสตร์และคุณพ่อที่ปั้นลูกชายเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานของโลก ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาที่ Rensselaer Polytechnic Institute (RPI) มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สถาบันการศึกษาระดับคุณภาพแห่งหนึ่งของโลก ซึ่ง ศิวะพร ทรรทรานนท์ อดีตประธานกรรมการบริษัททิสโก้ เคยเป็นศิษย์เก่าของที่นี่ 

         ‘เพ็ญสมิทธ์ ยุคใหม่’ มีแผนที่จะผลิตคนรุ่นใหม่ เพื่อรองรับทศวรรษต่อๆ ไปและเข้าสู่ตลาดแรงงานระดับภูมิภาคและระดับโลก มิใช่การผลิตคนในระยะสั้นและโฟกัสเฉพาะตลาดแรงงานในประเทศเท่านั้น ทำให้ในระหว่างนี้ เพ็ญสมิทธ์ Re-Strategy ตนเองแบบรอบด้าน นั่นคือ โดยเฉพาะ Productive Strategy เสริมแกร่งกับกระบวนการผลิต นั่นคือ

         1) การส่งนักเรียนจำนวน 800 คน เพื่อให้เรียนต่อสถาบันอุดมศึกษาระดับคุณภาพให้ได้ ด้วยการจัดครูเพื่อสอนเสริมให้กับนักเรียนที่ต้องเรียนเพิ่ม เช่น ความถนัดทางด้านดนตรี ศิลปะ ฯลฯ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยกันเจียระไนและค้นหาความถนัด ความต้องการของผู้เรียนว่าควรจะไปทางใดหรือต้องเสริมสร้างอะไรแล้วติวกันอย่างเข้มข้นหรือติวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยให้ผู้ปกครองจ่ายเพิ่ม 300-400 บาทต่อชม.เท่านั้น 

         2) การสร้างนักเรียนรุ่นใหม่ เพื่อให้สามารถเรียนต่อภาคอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยหรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศได้ โดยในหลักสูตร IEP (Intensive English Program) ทางโรงเรียนจะปรับเวลาเรียนในแต่ละคาบให้เหลือประมาณ 40-45 นาที เพื่อให้นักเรียนมีเวลาเรียนเสริม ปรับเวลาสอนภาษาอังกฤษวันละ 4 ชม. โดยเรียนกับอาจารย์ฝรั่งและมีอาจารย์ไทย เพื่อทำความเข้าใจเสริม ซึ่งอาจต้องใช้ครูไทยถึง 3-4 คนต่อห้องในช่วงแรก และโครงการ

         เด็กเล็กช่วงปฐมวัย 2-6 ปี ด้วยหลักสูตร Early Years Program ซึ่งโรงเรียนกำลังรับสมัครอยู่ในขณะนี้เป็นหลักสูตรที่มุ่งสอนตามหลักการเรียนรู้สมัยใหม่หลายประการ นับแต่การเรียนรู้แบบ BBL (Brain-Based Learning) การพัฒนาศักยภาพของเด็กตามหลักการ Multiple Intelligence การส่งเสริมทักษะทาง STEM (อ่านล้อมกรอบ) การเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติทั้งไทย อังกฤษและจีน การเรียนรู้แบบ Montessori เพื่อกระตุ้นให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง และเน้นใช้อาจารย์ฝรั่งและจีนสอน จะมีอาจารย์คนไทยสอนเฉพาะภาษาไทย ขณะเดียวกัน ก็มีห้องเสริมทักษะ PLAYGROUND เพื่อฝึกการเรียนรู้, การเสริมสร้างจินตนาการและศิลปะ, พัฒนาการของเด็กทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่/เล็ก, ความฉลาดทั้ง 6Q, STEM, BBL 

         3) การเปลี่ยนครูเป็นโค้ช เพื่อเน้นให้เกิดการเรียนการสอนแบบค้นคว้าของนักเรียนและเพื่อให้นักเรียนค้นพบตัวเองให้ได้ว่าต้องการที่จะเป็นอะไร ชอบอะไร ฉะนั้น โรงเรียนจึงต้องรู้จักธรรมชาติของเด็กและผู้ปกครองให้ได้  “ตรงนี้เราต้องฉลาดที่จะประยุกต์หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และแยกเด็กกลุ่มต่างๆ ตามความถนัด” นิวัตต์กล่าว  

         ความท้าทายของสถาบันการศึกษาเอกชนวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย คือ การขยายห้องเรียนและการขยายสถานศึกษาของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นทำให้มีนักเรียนเหลือมาถึงภาคเอกชนน้อยมาก เพ็ญสมิทธ์หรือโรงเรียนคาทอลิกชื่อดังต่างๆ ก็มิใช่ข้อยกเว้นและแม้จะมีเงินอุดหนุนจากเครือข่ายคาทอลิก แต่ก็ยังขาดทุนอยู่ดี ทำให้โรงเรียนเหล่านี้ต่าง Re-Positioning ตนเองเป็นโรงเรียนสองภาษาหรือโรงเรียนภาคอินเตอร์ เพื่อความอยู่รอด

         ส่วนเพ็ญสมิทธ์ที่เคยมีนักเรียนมากถึง 3,000 คนและปัจจุบันมีนักเรียนเพียง 800 คนนั้นถือเป็นโจทย์ที่ ‘หิน’ มากๆ กับผู้บริหารโรงเรียนที่ไม่คุ้นกับโลกธุรกิจ แต่สำหรับนิวัตต์ เขาเลือกการจัดวางโมเดลทางธุรกิจ (Business Model) ของโรงเรียนเสียใหม่เป็นเรื่องสำคัญ ตลอดจนการแยกแยะต้นทุน รายได้/รายจ่าย แต่ก็ไม่ใช่การตัดต้นทุนอย่างไร้เหตุผล, การทำความเข้าใจกับคน GEN Y ซึ่งเป็นคนรุ่นพ่อแม่ของเด็ก Gen Z ซึ่งเป็นนักเรียนของโรงเรียน, การจับมือกับพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์เพื่อต่อยอดพัฒนาหลักสูตรของโรงเรียน ฯลฯ 

         เพ็ญสมิทธ์ยุคใหม่ที่มีนิวัตต์ จิตตาลานเป็นที่ปรึกษาจึงเป็นสถาบันการศึกษายุคใหม่ที่แข็งแกร่งจากภายใน บน Business Model ที่แม่นยำอย่างไม่ต้องสงสัย

[อ่าน 5,077]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“บราเดอร์” เผยกลยุทธ์บริการมัดใจลูกค้า ด้วยหลัก CS
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved