ด้วยการนำทัพของ ไพศาล อ่าวสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด ไม่เพียงแต่จะสร้างการเติบโตของรายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถพลิกฟื้นจากการขาดทุน มาสู่การมีตัวเลขกำไรเป็นปีที่ 2 ติดกัน หลังจากที่เข้ามาบริหารบริษัทแห่งนี้
ไพศาล กล่าวว่า การทำธุรกิจร้านอาหาร อย่างแรกก็คือ ต้องเข้าใจความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ส่วนอย่างที่ 2 นั้น ต้องตามเทรนด์ของตลาดให้ทัน ธุรกิจอาหารในปี 2567 มีหลากหลายแนวโน้มที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการน้ำที่จะมีดีมานด์สูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสภาวะโลกร้อนและโรคภัยทำให้เกิดนวัตกรรมในเครื่องดื่มกันมากขึ้น จะเห็นได้ว่าในตลาดมีการแตกไลน์สินค้าและมีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมากันเยอะมาก โดยในประเทศไทยก็จะมีแนวโน้มไม่แตกต่างกัน
อีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงคือ ความต้องการอาหารที่รสชาติเผ็ดร้อนมากขึ้น เนื่องจากการรับประทานอาหารรสชาติแบบเดิมๆ ในต่างประเทศ เริ่มเป็นเรื่องธรรมดาเกินไป เกิดการโหยหารสชาติแปลกใหม่ และแน่นอนอาหารเอเชียก็น่าจะตอบโจทย์รสชาติเผ็ดร้อนให้กับชนชาติอื่น ทำให้อาหารเอเชียที่มีรสชาติดังกล่าว เป็นที่ต้องการของคนในต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนต่างหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น และมองหาส่วนประกอบที่เป็นสมุนไพรกันอย่างแพร่หลาย
“สิ่งที่เป็นโอกาสของธุรกิจร้านอาหารในบ้านเราอีกอย่างก็คือ การกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะกับกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างดี การทำตลาดจึงต้องรู้ว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้สามารถดึงกลุ่มที่มีศักยภาพเหล่านั้น ให้เข้ามาเป็นลูกค้าของเราได้”
เขายังบอกอีกว่า เทรนด์ในประเทศไทยที่ขาดไม่ได้เลยคือ การเติบโตของลูกค้าสายมู ที่แบรนด์ต่างๆ จะทำการตลาดในเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มข้นมากขึ้น รวมถึงในวงการร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เป็นชื่อมงคลตามความเชื่อต่างๆ ของแต่ละบุคคล ซึ่งเรียกได้ว่า หากใครไม่จับการตลาดสายมูก็คงจะพลาดโอกาสไปอย่างแน่นอน
ส่วนผลประกอบการในปี 2566 ที่ผ่านมานั้น ไพศาล กล่าวว่า มีอัตราการเติบโตมากถึง 70% โดยในปี 2565 หลังจากที่ตัวเองได้เข้ามาบริหารงานก็พบว่าในช่วง 7 เดือนแรกตัวเลขก็เริ่มวิ่งขึ้น หรือเกือบเทียบเท่าในปี 2562
“ปีงบประมาณ 2567 ในส่วนของบริษัทเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่านับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมไม่ดีนัก เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่ไตรมาสแรกก็ยังโต 7.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน”
ไพศาล เฉลยให้ว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็มาจากกลยุทธ์หลักๆ ทั้งในเรื่องของ NPD หรือ New Product ที่มีการออกเมนูอาหารใหม่ เพื่อดึงคนเข้าร้านให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับการสร้างโอกาสในการขายด้วยการดูอินไซต์และไลฟ์สไตล์ลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาเป็นเมนูใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการในแต่ละช่วงเวลา
เช่นเดียวกับการใช้โมเดลทางธุรกิจที่หลากหลายให้กับแบรนด์ เช่น สามารถทานได้แบบบุฟเฟ่ต์หรือทานเดี่ยว และ มื้อกลางวันสุดพิเศษ รวมถึงการทำโปรโมชั่นที่หลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลายๆ กลุ่ม ซึ่งการมีหลายโมเดลทำให้ ร้านมีความยืดหยุ่นในการบริการมากขึ้น ยังรวมถึงการขยาย Product Line Extension ในช่วงเทศกาลต่างๆ อาทิ การออกสินค้าที่เป็นตะกร้าส้ม เสริมมงคลในช่วงตรุษจีนของ บ้านสุริยาศัย ที่มียอดขายเดือนละ 2-3 แสนบาทเลยทีเดียว และกลายเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบิสโตร เอเชีย นอกเหนือจากการขายเมนูปกติในร้าน
ไพศาลมองว่า กลยุทธ์การสื่อสารการตลาด เป็นอีกหัวใจสำคัญของความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับบิสโตร เอเชีย โดยกลยุทธ์ในส่วนนี้ บิสโตร เอเชียมีปรับกลยุทธ์ด้วยการใช้ ดิจิทัล ครีเอเตอร์ เข้ามาช่วยโปรโมตร้าน โดยเฉพาะกับการใช้ TikTok และ KOL เข้ามาช่วยโปรโมต ซึ่งค่อนข้างได้ผลดี เพราะสามารถดึงดูดให้เกิดการเข้ามาใช้บริการจริง ซึ่งถ้ามองในแง่ของแวลู่ที่รีเทิร์นกลับมา ถือว่าได้ผล
ค่อนข้างมาก และใช้งบทางการตลาดไม่มากนักเมื่อเทียบกับการสื่อสารการตลาดในรูปแบบเดิมๆ ที่เคยใช้
ส่วนกลยุทธ์สำคัญอีกกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้และค่อนข้างได้ผลดีก็คือการทำ Strategic Alliance ทั้งกับพาร์ตเนอร์ในเครือไทยเบฟด้วยกัน และพันธมิตรนอกบริษัท ซึ่งการร่วมมือดังกล่าว ตามมาด้วยการช่วยเพิ่มทั้งในเรื่องของยอดขาย และ การยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
เขายกตัวอย่างความร่วมมือที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็คือการจับมือกับ AIA ในเรื่องของการมอบสิทธิพรีวิเลจของ ลูกค้า AIA ผ่านร้านอาหารในเครือบิสโตร เอเชีย และการทำ Collaboration Marketing กับแบรนด์ GQ ที่ออกนวัตกรรมใหม่ เป็นต้น
“เป้าหมายปี 2567 อยากเติบโตประมาณ โดยตอนนี้มีแผนจะขยายสาขาใหม่ รวมถึงพัฒนาแบรนด์เข้ามาเพิ่ม โดยกลยุทธ์ต่างๆ จะถูกพัฒนามาจากการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจร้านอาหารในเครือ และกิจกรรมการตลาดที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ก็จะถูกนำมาสานต่อในปีนี้เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน”
กลยุทธ์ทั้งหมดที่ใช้และสร้างความสำเร็จให้บิสโตร เอเชียในปี 2566 จะถูกต่อเนื่องการใช้ในการรุกตลาดในปี 2567 นี้ โดยมีการตั้งเป้าหมายการเติบโต ของยอดขายรวมไว้ที่ 6.4% ซึ่งจะเป็นทั้งยอดขายที่มาจาก Same Store และการเปิดสาขาใหม่ ที่ในปี 2567 นี้จะเป็นปีที่มีการเปิดสาขาใหม่มากที่สุดถึง 7 สาขา แบ่งเป็น
ซึ่งจะเป็นร้านในคอนเซปต์ใหม่ที่จะเข้าไปเปิดใน One Bangkok ทั้งหมด โดยเฉพาะบ้านสุริยาศัยจะใช้ชื่อแบรนด์ใหม่ที่ตามด้วย ‘บาย บ้านสุริยาศัย’ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการขยายสาขาของร้านอาหารแบรนด์นี้
ขณะที่อีกหนึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของ บ้านสุริยาศัย นั่นก็คือ การเปิดตัวแคมเปญ ‘The Journey Of 100’ The 100 BOON-NAK ที่เป็นการร่วมมือกับ ศรัณญ อยู่คงดี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ SARRAN by Sarran Youkongdee ผู้ออกแบบเครื่องประดับลุกส์ชุดไทยจากมิวสิกวิดีโอเพลง LALISA ของ Lisa แห่งวง BLACKPINK ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ความหรูหราให้กับอาหาร ยกระดับแบรนด์ให้พรีเมียมมากยิ่งขึ้น
การ Collab กันของทั้ง 2 แบรนด์ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกการสร้างมิติใหม่ให้กับวงการร้านอาหาร ที่เป็นการจับมือข้ามอุตสาหกรรมของจิวเวลรี่ ดีไซเนอร์ แบรนด์ กับแบรนด์ร้านอาหารที่มีตำนานที่เล่าขานมาครบ 100 ปี ซึ่งไพศาลมองว่า ครั้งนี้ จะเป็นอีกความร่วมมือที่จะเข้ามาช่วยยกระดับแบรนด์บ้านสุริยาศัยให้เป็นที่รู้จักในฐานะของตำนานบทหนึ่งของประเทศไทย
ถือเป็นอีกแนวทางการทำตลาดที่จะเข้ามาช่วยยกระดับแบรนด์ร้านอาหารในเครืออย่างบ้านสุริยาศัย และจะเป็นอีก 1 สีสัน ที่ถูกส่งออกมาในการทำตลาดในปีนี้....
บทความจากนิตยสาร MarktPlus ฉบับที่ 164 กุมภาพันธ์-มีนาคม 2567