
ผู้อยู่เบื้องหลังเส้นทางเติบโตนี้ คือ “คุณก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์” ผู้บริหารบริษัทนับเงินไม่ทัน จำกัด ผู้ก่อตั้ง กีกี้ บิวตี้ สเปซ (KIKI Beauty Space) ที่เลือกใช้ “ดาต้า – แบรนดิ้ง – เซอร์วิส ดีไซน์” เป็นอาวุธหลัก มากกว่าการแข่งราคา หรือสาขาเยอะ

จุดเริ่มต้นของ KIKI Beauty Space ไม่ได้มาจากความฝันอยากเปิดร้านทำผม หากแต่มาจาก “ช่องว่างทางธุรกิจ” ที่คุณก้องภพวิเคราะห์จากพื้นที่จริง – สยามสแควร์ ซอย 3
เขาเล่าว่า ในเวลานั้นย่านนี้ยังขาดซาลอนที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองแบบครบวงจร ลูกค้าต้อง “วิ่งทำสวย” หลายที่ – ทำผมที่หนึ่ง ทำเล็บอีกที่หนึ่ง ต่อขนตาอีกที่หนึ่ง เสียทั้งเวลาและความสะดวก KIKI จึงถูกออกแบบให้เป็น “One Stop Service” แบบจริงจัง
ปัจจุบัน สาขาแฟลกชิปที่สยามสแควร์ และสาขาเมกา บางนา แบ่งบริการออกเป็น 5 แผนกหลัก
แผนกทำผม (Hair) – ตั้งแต่ตัด ดัด ยืด ทำสี ทรีตเมนต์ ไปจนถึงเทคนิคต่อผมแบบถักเปียเกาหลีที่ไม่ใช้กาว ไม่ใช้ความร้อน
แผนก Mani-Pedi – ทำเล็บ สีเจล ต่อเล็บ สปามือเท้า
แผนก Face – ต่อขนตา แว็กซ์คิ้ว แว็กซ์หน้าและส่วนต่าง ๆ
แผนกต่อผม (Hair Extension) – จุดขายระดับซิกเนเจอร์ ทั้งลูกค้าทั่วไปและกลุ่มผู้ป่วยทำคีโมที่ต้องการเสริมความมั่นใจ
แผนกที่ 5 ที่เพิ่งเปิดในวาระครบรอบ 5 ปี คือ Makeup Service ให้บริการตั้งแต่แต่งหน้าไปออกงานจนถึงเจ้าสาว มาที่เดียว “ทำผม–แต่งหน้า–เปลี่ยนชุด” พร้อมออกงานได้เลย
KIKI ไม่จำกัดตัวเองว่าเป็น “ซาลอนของผู้หญิง” แต่วางโพสิชันเป็น Unisex Salon ที่ผู้ชายก็สามารถเข้ามาตัด ทำสี หรือทรีตเมนต์แบบจริงจังได้ ลูกค้าหลายครอบครัวใช้บริการแบบมาทั้งบ้าน มีห้องไพรเวตให้ความเป็นส่วนตัว – ตั้งแต่กลุ่มเซเลบ ดารา ไปจนถึงคุณพ่อ–คุณแม่–ลูกที่มาทำสวยหล่อพร้อมกัน
ในวาระครบรอบ 5 ปี KIKI Beauty Space ไม่ได้ฉลองเพียงแค่การเปิดแผนกเมคอัพเท่านั้น แต่ยังประกาศบิ๊กมูฟสำคัญคือ การปิดดีลขายแฟรนไชส์ข้ามประเทศครั้งแรก
สาขาใหม่ที่ นครหลวงเวียงจันทน์ จะมาในโมเดล แฟลกชิปสโตร์ 4 ชั้น ดีไซน์บริการและบริการหลักเหมือนสาขาสยามสแควร์ เพิ่มจุดขายด้วย คาเฟ่ชั้นล่าง เสิร์ฟเครื่องดื่ม ขนม และอาหารคาว เพื่อให้เป็นทั้ง Beauty Destination และ Lifestyle Space ในหนึ่งเดียว ตั้งอยู่บน “ถนนคูเวียง” ทำเลธุรกิจและแฟชั่นฮับ ใกล้ห้าง Parkson Laos ศูนย์การค้าหรูที่ใหญ่ที่สุดในลาว
ดีลนี้มาในรูปแบบ มาสเตอร์แฟรนไชส์ ผู้ถือสิทธิ์ในลาวสามารถขายแฟรนไชส์ย่อยต่อได้ แบ่งโมเดลสาขาออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ
Full Service
ครบทุกแผนก – ทำผม ต่อผม Face, Mani-Pedi, เมคอัพ พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์ KIKI Beauty และพรีเมียมแฮร์แคร์กว่า 10 แบรนด์สากลที่ KIKI เป็นพาร์ตเนอร์
Hair Salon Only
โฟกัสบริการทำผมอย่างเดียว แต่ยังใช้โปรดักต์ KIKI และพาร์ตเนอร์แบรนด์เช่นกัน

ฝั่งลาวนำโดย คุณจินดาวร เพชรหลวงศรี ผู้บริหารบริษัท Miracle Lao Sol และผู้บริหาร KIKI Beauty Space สปป.ลาว ซึ่งเริ่มต้นจาก “การเป็นลูกค้าประจำ” ที่สาขาสยามมาก่อนทุกครั้งที่มาไทย เธอจึงมองเห็นทั้งมาตรฐานบริการและศักยภาพการต่อยอดธุรกิจอย่างชัดเจน
มุมมองของคุณจินดาวรสะท้อนว่าตลาดลาวยัง ขาด One Stop Service ที่แท้จริง ลูกค้ามักต้องไปร้านหลายแห่งเพื่อทำสวยแต่ละส่วน และกลุ่มผู้ใหญ่ระดับผู้นำองค์กรหรือครอบครัวนักธุรกิจยังต้องการ “เซฟโซน” ที่เป็นห้องวีไอพี มีความเป็นส่วนตัวและมาตรฐานระดับสากล KIKI จึงเข้ามาตอบโจทย์ “ช่องว่าง” เดียวกับที่เคยเกิดในสยามสแควร์เมื่อ 5 ปีก่อน

ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว และกำลังซื้อที่หดตัว คุณก้องภพยอมรับตรงๆ ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมบิวตี้ไม่ได้ง่ายเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ KIKI ยังเติบโตต่อเนื่อง คือ การวางระบบหลังบ้านให้แข็งแรง ด้วย Data & CRM เต็มรูปแบบ
ตั้งแต่วันแรก เขาไม่เคยมอง KIKI เป็นแค่ “ร้านสวยงาม” แต่เปรียบเสมือน แพลตฟอร์มบริการ ที่ต้องรู้จักลูกค้าทุกคนอย่างลึกซึ้ง ทั้งประวัติการใช้บริการ พฤติกรรม ความชอบ และศักยภาพการใช้จ่าย
กลางปี 2567 KIKI ตัดสินใจ ทุ่มงบกว่า 3 ล้านบาท เพื่อนำแพลตฟอร์ม CRM อันดับหนึ่งของโลก เข้ามาใช้ – ซึ่งปกติเป็นระบบที่องค์กรใหญ่ระดับโลกนิยมใช้ ไม่ค่อยพบในธุรกิจซาลอนเลยในไทย ทำให้ KIKI กลายเป็น ซาลอนรายแรกของประเทศที่ใช้ Data Analytic อย่างจริงจังในระดับนี้
ผู้ก่อตั้งมองเศรษฐกิจชัดเจนว่า “ปีหน้าหนักกว่าเดิม” ทั้งค่าขนส่งนำเข้า ค่าแรง ค่าเช่า และต้นทุนวัตถุดิบ แต่ตั้งเป้า “โต 200%” จากการขยายฝั่งสินค้าและนวัตกรรมใหม่
“เราไม่เคยทำโปรโมชั่นลดราคา เพราะพรีเมียมต้องซื่อสัตย์เรื่องราคาและคุณภาพ ลูกค้ายอมจ่ายเพราะเห็นความต่างจริง”
แม้ราคาสูง แต่ลูกค้ายอมจ่ายเพราะ “คุณภาพและความโปร่งใส”—กีกี้เป็นหนึ่งในซาลอนแรกที่เปิดเผยราคาแบบ Full Transparency ทั้งหมดบนออนไลน์ ไม่มีการบวกราคา ณ วันให้บริการ
ทุกอินไซต์ถูกรวบรวมและออกแบบแคมเปญแบบเฉพาะบุคคล ตั้งแต่การนัดหมายซ้ำ การแนะนำบริการและโปรดักต์ต่อยอด ไปจนถึงการออกแบบประสบการณ์หน้างาน เช่น การจัดห้องไพรเวต การจัดทีมช่างให้เหมาะกับสไตล์ของลูกค้าแต่ละคน
คุณก้องภพย้ำว่า
“ดาต้าไม่เคยหลอกใคร อยู่ที่ว่าเราวางดาต้าได้ถูกต้องแม่นยำไหม ซาลอนไม่ใช่ Fast Industry กว่าลูกค้าจะตัดสินใจมาลองใช้บริการ เราจึงต้องเก็บทุกอย่างอย่างละเอียด เพื่อเปลี่ยนจากลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าประจำให้ได้”
นี่คือหนึ่งใน “เคล็ดลับ” ที่ทำให้แบรนด์สามารถขายแฟรนไชส์ในมูลค่าสูงถึง 20 ล้านบาท เพราะสิ่งที่แฟรนไชส์ซีได้รับ ไม่ใช่แค่ชื่อแบรนด์และดีไซน์ร้าน แต่คือ “ระบบธุรกิจที่พิสูจน์มาแล้ว”

ในวันที่หลายธุรกิจคิดว่า “สาขายิ่งเยอะ ยอดขายยิ่งโต” KIKI กลับเดินคนละทาง คุณก้องภพบอกชัดว่า
“เราไม่ได้อยู่ในยุคที่สาขาเยอะแล้วยอดขายจะเยอะเสมอไป”
การเปิดซาลอนหนึ่งสาขาในโมเดลลักซ์ชัวรีของ KIKI ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท – ตั้งแต่ค่าออกแบบและบิวต์อิน พื้นที่ไพรม์โลเคชัน เก้าอี้สระผมระดับพรีเมียม ตัวเป่าผม เครื่องมือ ไปจนถึงต้นทุนทีมงานที่ต้องมีทั้งช่างหลัก ผู้ช่วยทีมแอดมินออนไลน์ ทีมมาร์เก็ตติ้ง และทีมโปรดักชันถ่ายภาพ–วิดีโออินเฮาส์
ยิ่งไปกว่านั้น ย่านสำคัญอย่างสุขุมวิท เต็มไปด้วยซาลอนทุกซอย หากจะเข้าไปเปิดอีกหนึ่งแบรนด์พรีเมียม ความเสี่ยงจะสูงมาก เมื่อเทียบกับการ “อัปเกรดมูลค่าในพื้นที่เดิม” ด้วยบริการและโปรดักต์ใหม่ๆ
ปีนี้ รายได้ของ KIKI โตขึ้นราว 20% จากปีก่อน และยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโปรดักต์ให้เป็น 50% ของพอร์ตธุรกิจในปีหน้า จากเดิมที่เซอร์วิสครองสัดส่วนราว 80% และโปรดักต์เพียง 20% เท่านั้น

เพื่อตอบโจทย์ข้อจำกัดเรื่องจำนวนสาขา และการเดินทางของลูกค้า KIKI เลือก “ยกประสบการณ์จากซาลอน ออกมาเป็นโปรดักต์” ภายใต้แบรนด์ KIKI Beauty
แนวคิดคือ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องมาซื้อผลิตภัณฑ์ที่หน้าร้านเท่านั้น แต่สามารถดูแลตัวเองที่บ้านด้วยโปรดักต์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาจากเฮดสปา–ช่างมืออาชีพในซาลอนจริง ๆ
KIKI เตรียมรีแบรนด์โปรดักต์ใหม่ให้ชัดเจน แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
KIKI Hair Care – แชมพู ทรีตเมนต์ และผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะ แยกสูตรตามปัญหาผม เช่น ผมแห้งเสีย หนังศีรษะมัน ผมทำสี
KIKI Care – กลุ่ม Bath & Body ทั้งสครับ อาบน้ำ บอดี้ออยล์ โลชั่น
KIKI Perfume – น้ำหอมกลิ่นเฉพาะที่ KIKI พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด
KIKI Cosmo – ไลน์คอสเมติก ที่จะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ปี 2569 ร่วมพัฒนากับโรงงานในเกาหลี เน้นนวัตกรรมรูปแบบการบำรุงใหม่ๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะวางโพสิชันเป็น Luxury Self-Care แต่ KIKI ตั้งใจปรับราคาให้ “พรีเมียมแต่จับต้องได้” เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มกว้างขึ้นสามารถเข้าถึงคุณภาพระดับซาลอนได้ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada และ LINE Shopping ซึ่งวันนี้แค่ “แชมพูตัวเดียว” บน Shopee ก็ทำยอดขายระดับ 7 หลักต่อเดือน และ KIKI ยังคงนโยบาย “ส่งฟรีทุกช่องทาง ไม่มีขั้นต่ำ” มาตลอด
แม้ราคาบริการของ KIKI จะอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับตลาด – อย่างการต่อผมที่เริ่มต้นราวสองหมื่นจนถึงหลักแสน หรือทำสีผมที่บิลหนึ่งอาจแตะระดับหลักหมื่น แต่คุณก้องภพย้ำว่า เขาไม่เคย “ตั้งราคาให้แพงเพื่อดูเป็นลักซ์ชัวรี”
ต้นทุนที่สะท้อนอยู่ในราคามาจาก 3 เรื่องหลัก
ทีมช่างมืออาชีพและการเทรนนิ่งต่อเนื่อง
ทุกกระบวนการเริ่มจาก “การวิเคราะห์ปัญหา” เส้นผม–หนังศีรษะ–ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ก่อนจะออกแบบแนวทางแก้ไขอย่างเหมาะสม
การคัดเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
แม้แต่แชมพูที่ใช้สระผม ก็ต้องเป็นสูตรสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ทำความสะอาด
ประสบการณ์ในร้าน (In-store Experience)
การจัดทีมช่างหลายคนเพื่อทำบริการหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การจัดห้องส่วนตัว การดูแลลูกค้าที่มีเวลาจำกัด – ทั้งหมดคือ “ต้นทุนประสบการณ์” ที่แบรนด์ยอมจ่ายเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่าต่อการกลับมา
เขาเล่าว่า KIKI ไม่เคยใช้กลยุทธ์ “ลดราคาหนักๆ” หรืออัดโปรโมชันถี่ๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แต่กลับมีฐานลูกค้าประจำและสมาชิกที่แอคทีฟในทุกเดือนในสัดส่วนสูง จุดนี้สะท้อนว่ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ “ให้ความสำคัญกับคุณภาพ มากกว่าราคา”

การปิดดีลมาสเตอร์แฟรนไชส์ลาว มูลค่า 20 ล้านบาท อาจเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการเดินทางในต่างแดนของ KIKI Beauty Space เท่านั้น
นอกจากลาว ยังมีความสนใจจาก ดูไบ สิงคโปร์ และเวียดนาม เข้ามาเจรจาเบื้องต้น ซึ่งคุณก้องภพยอมรับว่า ประเทศที่น่าจับตาคือ เวียดนาม เนื่องจากเทรนด์ทำผมและต่อผมมาแรงมาก และมีเทคนิคต่อผมที่หลากหลาย แต่การเข้าไปในตลาดแข่งขันสูงเช่นนั้น ต้องวางแผน Market Research อย่างรอบคอบ เพราะหากแบรนด์ “พลาด” ในตลาดหนึ่ง ผลกระทบจะสะท้อนกลับมาที่แบรนด์แม่ในไทยด้วย
ฝั่งมาสเตอร์แฟรนไชส์ลาวเองก็มีแผนต่อยอดไปเวียดนามในอนาคต โดยเล็งเมืองหลักอย่างโฮจิมินห์หรือฮานอยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น นั่นหมายความว่า ถ้า KIKI สาขาเวียงจันทน์ประสบความสำเร็จ เราอาจได้เห็น “แบรนด์ซาลอนสัญชาติไทย” กลายเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคในตลาดลักซ์ชัวรี บิวตี้ ซาลอนของอาเซียนเร็ว ๆ นี้

เส้นทาง 5 ปีของ KIKI Beauty Space สะท้อนภาพธุรกิจบิวตี้รุ่นใหม่ที่ไม่ได้เติบโตด้วยสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ
เริ่มจากการเห็น “ช่องว่าง” ในตลาดซาลอนไทย
ดีไซน์โมเดล One Stop Luxury Beauty Destination ที่ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและไลฟ์สไตล์
วางระบบหลังบ้านด้วย Data & CRM ระดับองค์กรใหญ่
ต่อยอดสู่โปรดักต์ Self-Care ภายใต้แบรนด์ KIKI Beauty ที่เดินไปหาลูกค้าบนออนไลน์
และวันนี้ กำลังก้าวสู่เวทีต่างประเทศด้วยดีลแฟรนไชส์ 20 ล้านบาทที่ลาว

สำหรับ คุณก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ แล้ว เป้าหมายต่อจากนี้ไม่ใช่การมีสาขาเต็มเมือง แต่คือการทำให้ชื่อ KIKI กลายเป็น “สแตนดาร์ดใหม่ของลักซ์ชัวรี ซาลอนสัญชาติไทย” – ที่สามารถยืนหยัดในตลาดต่างประเทศได้อย่างภาคภูมิ บนพื้นฐานของคุณภาพ การวิเคราะห์ธุรกิจด้วยดาต้า และการไม่หยุดพัฒนาประสบการณ์ให้ลูกค้าในทุกมิติ





