บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQUE ผู้นำธุรกิจเวชกรรมความงามครบวงจรของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจในปี 2566 ที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมถึง 2,285 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQUE ได้กล่าวว่า
ตลอด 14 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งเดอะคลีนิกค์ในปี 2552 บริษัทได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถขยายสาขาได้แล้วกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้กลยุทธ์มัลติแบรนด์ (Multi Brand)
เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หลากหลายตั้งแต่ระดับ Luxury, Hi-End, Premium จนถึง Mass Market ผ่านแบรนด์ในเครืออย่าง THE KLINIQUE, L.A.B.X, L'Clinic, ศูนย์ศัลยกรรม THE KLINIQUE SURGERY CENTER และ KLINIQUE Wellness Spa ที่เจาะตลาดเวลเนส
นายแพทย์อภิรุจ ยังได้วิเคราะห์ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจศัลยกรรม ที่มีอัตราโตสูงถึง 361% ในปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความต้องการและกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เพิ่มสูงขึ้น
พร้อมเผยกลยุทธ์ในการรุกตลาดปี 2567 ที่บริษัทได้จัดเตรียมงบลงทุนไว้ถึง 500 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้รายได้ทะยานไปแตะ 3,000 ล้านบาท ผ่านแนวทางสำคัญ 4 ประการ
1. ขยายสาขา: เดอะคลีนิกค์มีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 15-20 สาขา เลือกทำเลที่มีศักยภาพ ภายใต้งบลงทุน 300 ล้านบาท หรือลงทุนเฉลี่ย 25-30 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
2. พัฒนาผลิตภัณฑ์: เน้นนวัตกรรม เทคโนโลยี และความปลอดภัย วางงบลงทุน 200 ล้านบาทสำหรับซื้อเครื่องมือใหม่ๆ
3. การตลาดและการสื่อสาร: มุ่งเน้นกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าแบบ Omnichannel สร้างการรับรู้แบรนด์และ Engagement กับลูกค้า จนเป็นที่รู้จักทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยประมาณ 90% ต่างชาติ 10% ทั้งจากประเทศจีนและประเทศเพื่อบ้านทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าในระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง
4. บริการ: พัฒนาด้านบริการให้ Personalized ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และใส่ใจผ่านทีมแพทย์ในเครือนับเครือนับ 100 คน พร้อมพยาบาล 200 กว่าคน รวมถึงพนักงานให้บริการอีกเกือบ 1,00 คน ที่ได้เทรนนิ่งทุกฝ่ายพร้อมรองรับลูกค้าอย่างครบวงจร
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQUE
เมื่อมองไปข้างหน้า นายแพทย์อภิรุจมองว่า อุตสาหกรรมความงามของไทยในภาพรวมยังคงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมูลค่าตลาดที่คาดการณ์ว่าจะแตะ 1.2 แสนล้านบาทภายในปี 2573 ขณะที่ปัจจุบัน KLINIQUE มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงไม่ถึง 5% ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่น่าจับตามองและยังมีพื้นที่ให้เติบโตได้อีกมหาศาล
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำในตลาดธุรกิจความงามเต็มรูปแบบ ด้วยการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และมาตรฐานระดับสากล ซึ่งที่ผ่านมา KLINIQUE ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพในการแข่งขันกับประเทศที่เป็นผู้นำด้านความงามอย่างเกาหลีใต้และไต้หวันมาแล้ว นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับการหาพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจเวลเนสและสุขภาพ ซึ่งจะเป็นการเติบโตแบบอินออร์แกนิกที่น่าจับตามองในอนาคต
ด้วยปัจจัยเชิงบวกทั้งจากภายในและภายนอก ทำให้หลายฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่า บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) จะสามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ต่อเนื่องไปในอนาคต พร้อมทั้งขยายส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น และนำพาอุตสาหกรรมเสริมความงามของไทยก้าวสู่ระดับโลกได้อย่างยั่งยืน