บุ๋ม-ตรีรัก รักการดี เมื่อ 'แม่นาคยุค 90' พลิกบทเป็นนักธุรกิจสายบิวตี้
11 Jun 2019

'บุ๋ม' ตรีรัก รักการดี ดาราที่แจ้งเกิดในช่วงทศวรรษ 1990 จากละคร 'แม่นาคพระโขนง' ตรีรักเป็นทั้งดาราและนักร้องเสียงเซ็กซี่จากค่ายคีตาที่ถือเป็นหนึ่งในไอดอลที่วัยรุ่นยุคนั้นทั้งร้องเพลงของเธอและแต่งตัวสไตล์เธอกัน

แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเธอคิดจะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ข่าวคราวของเธอก็เงียบหายกันไประยะหนึ่ง ที่สุด เราได้รับรู้ข่าวคราวหลังเธออยู่ที่อเมริกานานถึง 20 ปีพร้อมกับฝีมือ Grooming ทั้งสุนัขและแมวระดับกูรูของลอสแอนเจลิสที่สำคัญ เป็นหญิงไทยคนเดียวของที่นี่เสียด้วยที่ทำอาชีพนี้

แต่ด้วยความเป็นหญิงที่มีพลังขับเคลื่อนสูง เธอจึงไม่เคยหยุดตัวเองกับเงาของความสำเร็จใดๆ ล่าสุด เธอจึงตัดสินใจลงทุนด้วยงบกว่า 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสายความงามที่ตั้งใจจะทำสินค้าทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์ในนามของ 'บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด' และออกสินค้าตัวแรกเป็นสบู่ด้วยรูปลักษณ์ของจิ๊กซอว์ แบรนด์ ME อีกทั้งตั้งเป้าที่จะก้าวไกลถึงการเป็นผู้เล่นที่สำคัญในตลาดเอเชียอีกด้วย

ทำไมจึงเลือกที่จะเปิดบริษัทที่เกี่ยวกับความงาม

บุ๋มคิดว่า ตัวเองเป็นคนที่มีความโปรกับเรื่องที่เกี่ยวกับความงาม เพราะแม้ขณะนี้อายุ 52 แล้ว แต่เราก็ยังดูเด็กอยู่ได้ ฉะนั้น บุ๋มก็อยากจะแบ่งปันเคล็ดลับตรงนี้ให้กับคนอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สาวๆ ยังคงความสวย ความงดงามและมีรูปร่างที่ดีเหมือนกับเรา ซึ่งการจะคงความสวยและรูปร่างที่สวยงามได้นั้น เจ้าตัวจะต้องดูแลตนเองทั้งเรื่องความงามและสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบุ๋มเองก็ดูแลตนเองอย่างนั้นเช่นกันตลอดมา บุ๋มจึงได้คิดทำผลิตภัณฑ์แนวนี้ออกมาทำตลาด

จริงๆ ต้องบอกว่า มันคือความใฝ่ฝันของบุ๋มที่จะออกไลน์สินค้าทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์ เพราะบุ๋มบ้าและคลั่งไคล้สินค้ากลุ่มนี้มากๆ แล้วก็บุ๋มชอบสินค้าที่เป็นธรรมชาติหรือใกล้เคียงกับธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วสินค้าของบริษัท เราก็อยากจะโฟกัสกับนวัตกรมและต้องการที่จะทำสินค้าที่เป็นตลาดเฉพาะ หรือ Niche Market

ที่สำคัญ บุ๋มเชื่อมั่นว่า การเข้าตลาด Niche ของตัวเองจะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากคุณภาพสินค้าและความตั้งใจที่จะสร้างแบรนด์ของเราเองให้มีความแข็งแกร่ง

มั่นใจกับเป้าหมายที่ บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด จะเติบโตในตลาดเอเชียมากน้อยแค่ไหน เพราะอะไร

ต้องบอกว่า บุ๋มมีเป้าหมายที่จะทำธุรกิจของตัวเอง เพื่อรองรับชีวิตของตนเองในอนาคต เนื่องจากเราไม่ได้คิดว่าจะตั้งรกรากที่อเมริกา หากแต่ตั้งใจที่จะกลับมาอยู่บ้านเราที่เมืองไทยเป็นการถาวรมากกว่า ที่สำคัญ บุ๋มตั้งใจจะเกษียณตอนที่ตัวเองอายุ 60 ปี ก็เลยมาตั้งบริษัทล่วงหน้าปี

บุ๋มเป็นคนชอบวางแผน ดังนั้น จึงวางแผนล่วงหน้า 10 ปี แล้วตัดสินใจกลับมาประเทศไทยตอนอายุที่บุ๋มล่วงมาถึง 50 ปีแล้ว เพราะจากประสบการณ์ เราทราบว่า การทำธุรกิจสมัยนี้กว่าจะอยู่ตัวต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปี แน่นอนว่า ช่วงบุกเบิกย่อมจะไม่ใช่ง่ายๆ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกมันก็ไม่ได้สดใสและจะมีสภาพเป็นแบบนี้อีกสักพักใหญ่ๆ ดังนั้น เราก็ต้องมาคิดกันอีกทีและไม่คาดหวังจนเกินความเป็นจริงว่า การทำธุรกิจของเราจะใช้เวลาเพียง  2-3 ปีก็จะประสบความสำเร็จ พูดจริงๆ ว่า บุ๋มไม่กล้าคิดขนาดนั้นในยุคสมัยนี้ ดังนั้น บุ๋มเลยเผื่อเวลาไว้ถึง 5 ปี เพื่อความปลอดภัยและมั่นคง อีกอย่างก็ไม่กดดันตัวเองจนเกินไปและมีการวางแผนและดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบด้วย

ทำไมจึงเลือกเปิดตัวโปรดักท์แรก ด้วยการขายสบู่จิ๊กซอว์ ME ทั้งที่ตลาดสบู่ก็เจาะยากเหมือนกัน

เพราะว่าบุ๋มไปอยู่ที่อเมริกามา 20 ปี คนที่แอลเอเขาชอบใช้สบู่ก้อนกันและบุ๋มก็คุ้นเคยกับการใช้สบู่ก้อนเวลาที่อยู่ที่อเมริกา แล้วบุ๋มชอบเดินทางท่องเที่ยวแบบแต่ละเมืองๆ แล้วเจอสบู่ก้อนเยอะแยะ แล้วแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกัน มีความน่ารักที่แตกต่างกันไปหมด รวมทั้งความแตกต่างของบรรจุภัณฑ์สบู่ด้วย

เพราะฉะนั้น บุ๋มเลยคุ้นเคยกับการใช้สบู่ก้อนและหลงรักสบู่ก้อนไปโดยไม่รู้ตัว ประกอบกับบุ๋มเองเป็นคนที่ชอบของเก๋ ชอบของที่มีดีไซน์ เราก็อยากให้บริษัทของตัวเองเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจความงามแนวบูติคบิวตี้บุ๋มจึงอยากคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับตลาดหรือทำอะไรที่คนเห็นต้อง  ‘ว้าว’ นี่จึงเป็นที่มาของการทำสบู่รูปร่างเหมือนจิ๊กซอว์และใช้แบรนด์ ME เพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของบุ๋มเอง

เหตุที่เลือกดีไซน์สบู่เป็นจิ๊กซอว์มีที่มาอย่างไร

อย่างที่บอกว่า บุ๋มเป็นคนที่ชอบของมีดีไซน์ ดังนั้น ในขั้นตอนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แน่นอนว่านอกจากคุณภาพระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นคุณสมบัติระดับ A-Must แล้ว ดีไซน์ก็เป็นรูปลักษณ์ระดับ A-Must ด้วยเช่นกัน บุ๋มจึงได้ให้โจทย์กับทีมการตลาดออกไป เพื่อคิดและหาข้อมูลกันมา จนกระทั่งเรามาประชุมกันและเคาะกันออกมาจึงได้รูปลักษณ์ของสบู่และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นจิ๊กซอว์แบรนด์แรกของไทยและนวัตกรรมระดับโกอินเตอร์ อีกทั้งสามารถนำมาประกอบต่อกันลงตัวแบบพอดี

ทำไมต้องซื้อสบู่จิ๊กซอว์ ME ความแตกต่างจากสบู่ทั่วไปคืออะไร    

สบู่จิ๊กซอว์ ภายใต้แบรนด์  ME  เป็นสบู่กลีเซอรีนจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของ Sodium Lauryl Sulfate (SLS), Sodium Laureth Sulfate (SLES), สารกันเสีย, สารฟอกขาวและสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ด้วยการคิดค้นและพัฒนาสูตรของเราเองมาปีกว่า จนกลายมาเป็นคอนเซปต์ที่ลงตัว เป็นสบู่เกรดพรีเมียมที่พิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบเกรดเออย่างดีมาผลิตเป็นสบู่สูตรอ่อนโยน ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ใช้ทำความสะอาดพร้อมบำรุงผิว ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น ไม่แห้งตึง รักษาฝ้า ปัญหาสิวและผดผื่น ทำให้ผิวรู้สึกแข็งแรงขึ้น ดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสมากขึ้น

สบู่จิ๊กซอว์ ME เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียมทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ ช่วงสองเดือนแรกเราสามารถขายไปได้ถึง 5 หมื่นก้อนภายในประเทศ และต่อมาก็มีออร์เดอร์จากตลาดในประเทศเข้ามามากกว่า 1 แสนก้อน ในตอนเปิดตัว เราเปิดตัวสบู่จิ๊กซอว์พร้อมกันถึง 25 สูตร เพื่อตอบทุกความต้องการของทุกผิวของผู้บริโภค เหมาะทั้งผิวใบหน้าและผิวกาย ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หรือแม้แต่เด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป  ที่สำคัญ สบู่ของเรารับประกันคุณภาพทุกก้อน

แผนการตลาดและเป้าหมายต่อจากนี้คืออะไร

แน่นอนว่า เราต้องเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเตรียมกลยุทธ์เพื่อรุกตลาดทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ  แต่เมื่อสบู่จิ๊กซอว์ ME ทั้ง 25 สูตรอยู่ตัวแล้ว เป้าหมายต่อไปเราก็จะทำ ME for kids เป็นสบู่จิ๊กซอว์ ME สูตรสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นแผนการตลาดในเฟสต่อไปที่เราจะทำ แล้วก็จะผลิตสบู่จิ๊กซอว์ ME ขนาดสำหรับโรงแรมบูติค รีสอร์ทต่างๆ และของพรีเมียมสำหรับเป็นของขวัญ ซึ่งเราได้รับติดต่อมาจากที่เราไปออกบูธในงาน STYLE Bangkok เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

ไอเดียตรงนี้ก็มาจากลูกค้าที่มานำเสนอเราและมาบอกเราได้โดยตรงจากการออกร้านในงานดังกล่าวว่า เขาต้องการอะไรและเราก็ทำให้เขา ซึ่งลูกค้าทุกรายเจาะจงเลยว่า รูปทรงสบู่ต้องเป็นจิ๊กซอว์และลูกค้าต่างชาติที่มาติดต่อในงาน STYLE Bangkok ก็อยากได้สบู่สูตรสมุนไพร แล้วมาถามเราว่า คุณมีไหม ทำให้เขาหน่อยได้ไหม ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าตรงกับแผนของเราที่จะผลิตสบู่จิ๊กซอว์ ME สูตรสมุนไพร ต่อจากสบู่จิ๊กซอว์ ME สูตรสำหรับเด็กอยู่แล้ว ส่วนการทำตลาด ในปีแรกเราตั้งเป้าทำตลาดสบู่ในเมืองไทย 70 % และส่งออกตลาดต่างประเทศ 30 % แต่หลังจาก 3 ปี เรามีแผนที่จะสลับสัดส่วนการทำการตลาดเป็นส่งออกตลาดต่างประเทศ 70 % และทำตลาดในเมืองไทย 30% นอกจากนี้ บุ๋มเองก็ตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในแบรนด์อันดับต้นๆ ของประเทศไทยและภูมิภาคของอาเซียนในกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม ด้วยผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีเยี่ยม สรรค์สร้างงานดีไซน์ที่แตกต่างให้เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

แล้วบุกตลาดในประเทศไทยอย่างไร

ลูกค้าสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนซื้อได้จากเว็บไซต์ http://trigangsters.com, FB: TRI_Gangsters, Line @TRI_Gangsters, IG : TRI_Gangsters และ YouTube : TRI Gangsters และสั่งซื้อสินค้าสบู่จิ๊กซอว์ ME ได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2040-1466 และ 06-3351-9646  

นอกจากนี้ บุ๋มก็เตรียมทำร้านแฟรนไชส์ TRI ที่เชียงใหม่และภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะเสร็จได้ในอีกไม่กี่เดือนนี้เอง แล้วหากร้านค้าตรงนี้เสร็จก็จะเป็นอีกช่องทางที่จะนำเสนอสินค้าของบุ๋มให้มีโอกาสได้เข้าตลาดต่างประเทศได้อีกเช่นกัน สำหรับค่าแฟรนไชส์บุ๋มตั้งราคาไว้ที่ 5 หมื่นบาท และค่าสินค้าขั้นต่ำอีก 50,000 บาท ทางเราจะออกแบบร้านให้ฟรี ให้อยู่ในคอนเซปต์ของแบรนด์ TRI ซึ่งยังไม่รวมค่าสถานที่ การตบแต่งและการก่อสร้าง บริษัทมีการสนับสนุนเรื่องสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สื่อวิดีโอและสื่อโซเชียลมีเดีย ภาพนิ่ง พรีเซ็นเทชั่นต่างๆ ภาพโฆษณาในเพจเฟซบุ๊ก สามารถดึงไปใช้ได้ หรือหากจะทำรีวิวมาที่สตูดิโอของบริษัทเราได้เลย

พร้อมกันนี้ เราก็เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายแบบไม่ต้องสต๊อกสินค้าและแบบสต๊อกสินค้าให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจ โดยมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักพันก็เริ่มต้นทำธุรกิจกับเราได้    

เป้าหมายที่จะทำตลาดในต่างประเทศนั้น ตอนนี้เข้าตลาดใดได้บ้าง

การทำตลาดต่างประเทศนั้น บุ๋มอาศัยการออกร้านในงานแสดงสินค้า (เทรดโชว์) ซึ่งขณะนี้บุ๋มก็กำลังดีลกับผู้ซื้อจากศรีลังกาและบาร์เรน โดยอยู่ระหว่างการดำเนินงานทางด้านเอกสาร เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้มีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากๆ สำหรับสินค้าเครื่องสำอางที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ นอกจากนี้ บุ๋มก็ยังได้รับการติดต่อจากสยามดิสคัฟเวอรี่และล็อตเต้ดิตี้ฟรีให้นำสินค้าไปเสนอเพื่อขายในห้างสรรพสินค้า และเมื่อไม่นานนี้ ก็ออกงานเพื่อจับคู่ทางธุรกิจ (business-matching) ที่เมียนมา กับเตรียมที่จะออกเทรดโชว์กับงานระดับนานาชาติที่ฮ่องกง เพื่อเปิดตลาดของบริษัทให้กว้างออกไป

             

เป้าหมายที่เธอต้องการเกษียณตนเองในวัย 60 กับการทำงานแข่งกับเวลาด้วยการก่อตั้ง 'บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด' เพื่อรองรับแผนการกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรนั้น แม้ใน 5 ปีแรกการดำเนินงานอาจจะไม่ง่าย แต่ความท้าทายนี้ละที่จะทำให้เธอยิ่งต้องทะยานและพุ่งไปให้ถึงฝันที่ตนเองวางไว้ให้ได้  

[อ่าน 5,107]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved