'บุ๋ม' ตรีรัก รักการดี ดาราที่แจ้งเกิดในช่วงทศวรรษ 1990 จากละคร 'แม่นาคพระโขนง' ตรีรักเป็นทั้งดาราและนักร้องเสียงเซ็กซี่จากค่ายคีตาที่ถือเป็นหนึ่งในไอดอลที่วัยรุ่นยุคนั้นทั้งร้องเพลงของเธอและแต่งตัวสไตล์เธอกัน
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเธอคิดจะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ข่าวคราวของเธอก็เงียบหายกันไประยะหนึ่ง ที่สุด เราได้รับรู้ข่าวคราวหลังเธออยู่ที่อเมริกานานถึง 20 ปีพร้อมกับฝีมือ Grooming ทั้งสุนัขและแมวระดับกูรูของลอสแอนเจลิสที่สำคัญ เป็นหญิงไทยคนเดียวของที่นี่เสียด้วยที่ทำอาชีพนี้
แต่ด้วยความเป็นหญิงที่มีพลังขับเคลื่อนสูง เธอจึงไม่เคยหยุดตัวเองกับเงาของความสำเร็จใดๆ ล่าสุด เธอจึงตัดสินใจลงทุนด้วยงบกว่า 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสายความงามที่ตั้งใจจะทำสินค้าทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์ในนามของ 'บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด' และออกสินค้าตัวแรกเป็นสบู่ด้วยรูปลักษณ์ของจิ๊กซอว์ แบรนด์ ME อีกทั้งตั้งเป้าที่จะก้าวไกลถึงการเป็นผู้เล่นที่สำคัญในตลาดเอเชียอีกด้วย
ทำไมจึงเลือกที่จะเปิดบริษัทที่เกี่ยวกับความงาม
บุ๋มคิดว่า ตัวเองเป็นคนที่มีความโปรกับเรื่องที่เกี่ยวกับความงาม เพราะแม้ขณะนี้อายุ 52 แล้ว แต่เราก็ยังดูเด็กอยู่ได้ ฉะนั้น บุ๋มก็อยากจะแบ่งปันเคล็ดลับตรงนี้ให้กับคนอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สาวๆ ยังคงความสวย ความงดงามและมีรูปร่างที่ดีเหมือนกับเรา ซึ่งการจะคงความสวยและรูปร่างที่สวยงามได้นั้น เจ้าตัวจะต้องดูแลตนเองทั้งเรื่องความงามและสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบุ๋มเองก็ดูแลตนเองอย่างนั้นเช่นกันตลอดมา บุ๋มจึงได้คิดทำผลิตภัณฑ์แนวนี้ออกมาทำตลาด
จริงๆ ต้องบอกว่า มันคือความใฝ่ฝันของบุ๋มที่จะออกไลน์สินค้าทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์ เพราะบุ๋มบ้าและคลั่งไคล้สินค้ากลุ่มนี้มากๆ แล้วก็บุ๋มชอบสินค้าที่เป็นธรรมชาติหรือใกล้เคียงกับธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วสินค้าของบริษัท เราก็อยากจะโฟกัสกับนวัตกรมและต้องการที่จะทำสินค้าที่เป็นตลาดเฉพาะ หรือ Niche Market
ที่สำคัญ บุ๋มเชื่อมั่นว่า การเข้าตลาด Niche ของตัวเองจะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากคุณภาพสินค้าและความตั้งใจที่จะสร้างแบรนด์ของเราเองให้มีความแข็งแกร่ง
มั่นใจกับเป้าหมายที่ บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด จะเติบโตในตลาดเอเชียมากน้อยแค่ไหน เพราะอะไร
ต้องบอกว่า บุ๋มมีเป้าหมายที่จะทำธุรกิจของตัวเอง เพื่อรองรับชีวิตของตนเองในอนาคต เนื่องจากเราไม่ได้คิดว่าจะตั้งรกรากที่อเมริกา หากแต่ตั้งใจที่จะกลับมาอยู่บ้านเราที่เมืองไทยเป็นการถาวรมากกว่า ที่สำคัญ บุ๋มตั้งใจจะเกษียณตอนที่ตัวเองอายุ 60 ปี ก็เลยมาตั้งบริษัทล่วงหน้าปี
บุ๋มเป็นคนชอบวางแผน ดังนั้น จึงวางแผนล่วงหน้า 10 ปี แล้วตัดสินใจกลับมาประเทศไทยตอนอายุที่บุ๋มล่วงมาถึง 50 ปีแล้ว เพราะจากประสบการณ์ เราทราบว่า การทำธุรกิจสมัยนี้กว่าจะอยู่ตัวต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปี แน่นอนว่า ช่วงบุกเบิกย่อมจะไม่ใช่ง่ายๆ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกมันก็ไม่ได้สดใสและจะมีสภาพเป็นแบบนี้อีกสักพักใหญ่ๆ ดังนั้น เราก็ต้องมาคิดกันอีกทีและไม่คาดหวังจนเกินความเป็นจริงว่า การทำธุรกิจของเราจะใช้เวลาเพียง 2-3 ปีก็จะประสบความสำเร็จ พูดจริงๆ ว่า บุ๋มไม่กล้าคิดขนาดนั้นในยุคสมัยนี้ ดังนั้น บุ๋มเลยเผื่อเวลาไว้ถึง 5 ปี เพื่อความปลอดภัยและมั่นคง อีกอย่างก็ไม่กดดันตัวเองจนเกินไปและมีการวางแผนและดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบด้วย
ทำไมจึงเลือกเปิดตัวโปรดักท์แรก ด้วยการขายสบู่จิ๊กซอว์ ME ทั้งที่ตลาดสบู่ก็เจาะยากเหมือนกัน
เพราะว่าบุ๋มไปอยู่ที่อเมริกามา 20 ปี คนที่แอลเอเขาชอบใช้สบู่ก้อนกันและบุ๋มก็คุ้นเคยกับการใช้สบู่ก้อนเวลาที่อยู่ที่อเมริกา แล้วบุ๋มชอบเดินทางท่องเที่ยวแบบแต่ละเมืองๆ แล้วเจอสบู่ก้อนเยอะแยะ แล้วแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกัน มีความน่ารักที่แตกต่างกันไปหมด รวมทั้งความแตกต่างของบรรจุภัณฑ์สบู่ด้วย
เพราะฉะนั้น บุ๋มเลยคุ้นเคยกับการใช้สบู่ก้อนและหลงรักสบู่ก้อนไปโดยไม่รู้ตัว ประกอบกับบุ๋มเองเป็นคนที่ชอบของเก๋ ชอบของที่มีดีไซน์ เราก็อยากให้บริษัทของตัวเองเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจความงามแนวบูติคบิวตี้บุ๋มจึงอยากคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับตลาดหรือทำอะไรที่คนเห็นต้อง ‘ว้าว’ นี่จึงเป็นที่มาของการทำสบู่รูปร่างเหมือนจิ๊กซอว์และใช้แบรนด์ ME เพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของบุ๋มเอง
เหตุที่เลือกดีไซน์สบู่เป็นจิ๊กซอว์มีที่มาอย่างไร
อย่างที่บอกว่า บุ๋มเป็นคนที่ชอบของมีดีไซน์ ดังนั้น ในขั้นตอนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แน่นอนว่านอกจากคุณภาพระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นคุณสมบัติระดับ A-Must แล้ว ดีไซน์ก็เป็นรูปลักษณ์ระดับ A-Must ด้วยเช่นกัน บุ๋มจึงได้ให้โจทย์กับทีมการตลาดออกไป เพื่อคิดและหาข้อมูลกันมา จนกระทั่งเรามาประชุมกันและเคาะกันออกมาจึงได้รูปลักษณ์ของสบู่และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นจิ๊กซอว์แบรนด์แรกของไทยและนวัตกรรมระดับโกอินเตอร์ อีกทั้งสามารถนำมาประกอบต่อกันลงตัวแบบพอดี
ทำไมต้องซื้อสบู่จิ๊กซอว์ ME ความแตกต่างจากสบู่ทั่วไปคืออะไร
สบู่จิ๊กซอว์ ภายใต้แบรนด์ ME เป็นสบู่กลีเซอรีนจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของ Sodium Lauryl Sulfate (SLS), Sodium Laureth Sulfate (SLES), สารกันเสีย, สารฟอกขาวและสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ด้วยการคิดค้นและพัฒนาสูตรของเราเองมาปีกว่า จนกลายมาเป็นคอนเซปต์ที่ลงตัว เป็นสบู่เกรดพรีเมียมที่พิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบเกรดเออย่างดีมาผลิตเป็นสบู่สูตรอ่อนโยน ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ใช้ทำความสะอาดพร้อมบำรุงผิว ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น ไม่แห้งตึง รักษาฝ้า ปัญหาสิวและผดผื่น ทำให้ผิวรู้สึกแข็งแรงขึ้น ดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสมากขึ้น
สบู่จิ๊กซอว์ ME เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียมทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ ช่วงสองเดือนแรกเราสามารถขายไปได้ถึง 5 หมื่นก้อนภายในประเทศ และต่อมาก็มีออร์เดอร์จากตลาดในประเทศเข้ามามากกว่า 1 แสนก้อน ในตอนเปิดตัว เราเปิดตัวสบู่จิ๊กซอว์พร้อมกันถึง 25 สูตร เพื่อตอบทุกความต้องการของทุกผิวของผู้บริโภค เหมาะทั้งผิวใบหน้าและผิวกาย ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หรือแม้แต่เด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป ที่สำคัญ สบู่ของเรารับประกันคุณภาพทุกก้อน
แผนการตลาดและเป้าหมายต่อจากนี้คืออะไร
แน่นอนว่า เราต้องเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเตรียมกลยุทธ์เพื่อรุกตลาดทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ แต่เมื่อสบู่จิ๊กซอว์ ME ทั้ง 25 สูตรอยู่ตัวแล้ว เป้าหมายต่อไปเราก็จะทำ ME for kids เป็นสบู่จิ๊กซอว์ ME สูตรสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นแผนการตลาดในเฟสต่อไปที่เราจะทำ แล้วก็จะผลิตสบู่จิ๊กซอว์ ME ขนาดสำหรับโรงแรมบูติค รีสอร์ทต่างๆ และของพรีเมียมสำหรับเป็นของขวัญ ซึ่งเราได้รับติดต่อมาจากที่เราไปออกบูธในงาน STYLE Bangkok เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
ไอเดียตรงนี้ก็มาจากลูกค้าที่มานำเสนอเราและมาบอกเราได้โดยตรงจากการออกร้านในงานดังกล่าวว่า เขาต้องการอะไรและเราก็ทำให้เขา ซึ่งลูกค้าทุกรายเจาะจงเลยว่า รูปทรงสบู่ต้องเป็นจิ๊กซอว์และลูกค้าต่างชาติที่มาติดต่อในงาน STYLE Bangkok ก็อยากได้สบู่สูตรสมุนไพร แล้วมาถามเราว่า คุณมีไหม ทำให้เขาหน่อยได้ไหม ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าตรงกับแผนของเราที่จะผลิตสบู่จิ๊กซอว์ ME สูตรสมุนไพร ต่อจากสบู่จิ๊กซอว์ ME สูตรสำหรับเด็กอยู่แล้ว ส่วนการทำตลาด ในปีแรกเราตั้งเป้าทำตลาดสบู่ในเมืองไทย 70 % และส่งออกตลาดต่างประเทศ 30 % แต่หลังจาก 3 ปี เรามีแผนที่จะสลับสัดส่วนการทำการตลาดเป็นส่งออกตลาดต่างประเทศ 70 % และทำตลาดในเมืองไทย 30% นอกจากนี้ บุ๋มเองก็ตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในแบรนด์อันดับต้นๆ ของประเทศไทยและภูมิภาคของอาเซียนในกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม ด้วยผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีเยี่ยม สรรค์สร้างงานดีไซน์ที่แตกต่างให้เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
แล้วบุกตลาดในประเทศไทยอย่างไร
ลูกค้าสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนซื้อได้จากเว็บไซต์ http://trigangsters.com, FB: TRI_Gangsters, Line @TRI_Gangsters, IG : TRI_Gangsters และ YouTube : TRI Gangsters และสั่งซื้อสินค้าสบู่จิ๊กซอว์ ME ได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2040-1466 และ 06-3351-9646
นอกจากนี้ บุ๋มก็เตรียมทำร้านแฟรนไชส์ TRI ที่เชียงใหม่และภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะเสร็จได้ในอีกไม่กี่เดือนนี้เอง แล้วหากร้านค้าตรงนี้เสร็จก็จะเป็นอีกช่องทางที่จะนำเสนอสินค้าของบุ๋มให้มีโอกาสได้เข้าตลาดต่างประเทศได้อีกเช่นกัน สำหรับค่าแฟรนไชส์บุ๋มตั้งราคาไว้ที่ 5 หมื่นบาท และค่าสินค้าขั้นต่ำอีก 50,000 บาท ทางเราจะออกแบบร้านให้ฟรี ให้อยู่ในคอนเซปต์ของแบรนด์ TRI ซึ่งยังไม่รวมค่าสถานที่ การตบแต่งและการก่อสร้าง บริษัทมีการสนับสนุนเรื่องสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สื่อวิดีโอและสื่อโซเชียลมีเดีย ภาพนิ่ง พรีเซ็นเทชั่นต่างๆ ภาพโฆษณาในเพจเฟซบุ๊ก สามารถดึงไปใช้ได้ หรือหากจะทำรีวิวมาที่สตูดิโอของบริษัทเราได้เลย
พร้อมกันนี้ เราก็เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายแบบไม่ต้องสต๊อกสินค้าและแบบสต๊อกสินค้าให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจ โดยมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักพันก็เริ่มต้นทำธุรกิจกับเราได้
เป้าหมายที่จะทำตลาดในต่างประเทศนั้น ตอนนี้เข้าตลาดใดได้บ้าง
การทำตลาดต่างประเทศนั้น บุ๋มอาศัยการออกร้านในงานแสดงสินค้า (เทรดโชว์) ซึ่งขณะนี้บุ๋มก็กำลังดีลกับผู้ซื้อจากศรีลังกาและบาร์เรน โดยอยู่ระหว่างการดำเนินงานทางด้านเอกสาร เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้มีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากๆ สำหรับสินค้าเครื่องสำอางที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ นอกจากนี้ บุ๋มก็ยังได้รับการติดต่อจากสยามดิสคัฟเวอรี่และล็อตเต้ดิตี้ฟรีให้นำสินค้าไปเสนอเพื่อขายในห้างสรรพสินค้า และเมื่อไม่นานนี้ ก็ออกงานเพื่อจับคู่ทางธุรกิจ (business-matching) ที่เมียนมา กับเตรียมที่จะออกเทรดโชว์กับงานระดับนานาชาติที่ฮ่องกง เพื่อเปิดตลาดของบริษัทให้กว้างออกไป
เป้าหมายที่เธอต้องการเกษียณตนเองในวัย 60 กับการทำงานแข่งกับเวลาด้วยการก่อตั้ง 'บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด' เพื่อรองรับแผนการกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรนั้น แม้ใน 5 ปีแรกการดำเนินงานอาจจะไม่ง่าย แต่ความท้าทายนี้ละที่จะทำให้เธอยิ่งต้องทะยานและพุ่งไปให้ถึงฝันที่ตนเองวางไว้ให้ได้