ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยมีคำถามหรือรู้สึกว่า “Digital Marketing” เป็นเรื่องยาก ไม่รู้ว่าเราจำเป็นจะต้องทำครบทุกแพลตฟอร์มไหม ไม่รู้ว่าจะทำคอนเทนต์ให้โดนใจลูกค้าได้อย่างไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนกับการทำตลาดในยุคดิจิทัล “Digital Tips Academy” มีคำตอบนั้นให้กับคุณได้

แต่กับคำถามว่า แล้วทำไมจึงต้องมาเรียนที่นี่ เรียนแล้วได้ผลจริงหรือ ? มัณฑิตา จินดา Vice President Digital Marketing บริษัท เวิร์คพอยท์เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน), ผู้ก่อตั้ง Digital Tips Academy หรือที่รู้จักกันในนามแฟนเพจ Digital Tips – นับ 1 ถึงล้านด้วยการตลาดออนไลน์ และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหลายแบรนด์และหลายธุรกิจทั้งที่โด่งดังและเป็นสตาร์ทอัพ คือกุญแจไขความลับสู่ความสำเร็จนี้

โดยเฉพาะเมื่อตอกย้ำด้วยรีวิวจากเซเลบ - สารพัดคลิปและภาพนิ่งยืนยันถึง บรรยากาศการเรียนที่สนุกสนานของคนรุ่นใหม่และนักธุรกิจทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเยาว์ในคลาสของ Digital Tips Academy ว่าทำไมต้องมาเรียนที่นี่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Disruption Leader ของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการกับงานสัมมนาหัวข้อ “SOS” (Seminar on Stage) ตอน Digital Marketing Insight Out

ซึ่งเป็นสัมมนาสดที่เธอจัดขึ้นเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ของชีวิตอีกด้านหนึ่งพร้อมนำเสนอแนว “Edutainment” เป็นครั้งแรกที่โรงละครเคแบงก์สยาม พิฆเนศ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ชั้น 7 วันที่ 18 สิงหาคมที่จะถึงนี้ เวลา 13.00-16.30 น. เพื่อให้ผู้ฟังได้ฟังการทำตลาดในยุคดิจิทัลแบบหมดเปลือก เนื้อๆ เน้นๆ เข้มข้น แต่เข้าใจ ง่าย

ไฮไลท์ของ SOS หรือ Seminar on Stage คืออะไร ? เหตุใดจึงต้องจัดสัมมนานี้

SOS หรือ Seminar on Stage ตอน Digital Marketing Insight Out เป็นงานสัมมนา Digital Marketing แบบ Edutainment ครั้งแรกในประเทศไทย เป็นการบรรยายที่ผสมผสานกับองค์ประกอบอื่น ที่เราหยิบยกมานำเสนอเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเราทำงานอยู่อุตสาหกรรมบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นก็รู้สึกว่าเราอยากให้อะไรที่ไม่ใช่แค่ให้ความรู้ แต่ต้องสนุก ดูแล้ว แบบได้อารมณ์ ‘เออว่ะๆ’ ทำไมเราไม่ทำอย่างนี้ๆ อ๋อๆ ฯลฯ

พูดง่ายๆ มาฟัง SOS นี่สามารถพาพ่อแม่ พาอากง-อาม่าไปฟังได้สบายๆ แล้วจากนั้น คนพวกนี้เมื่อกลับมาแล้วก็จะมา “เบิ้ลเครื่อง” ใส่เราได้ว่า “เฮ้ย! ทำไมเธอทำแบบนี้ – ลื้อต้อง ทำแบบนี้” ฯลฯ

นั่นคือความตั้งใจที่เรามองภาพไว้อย่างนั้น ฉะนั้น ก็จะมีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้น อย่างมีการบรรยายสลับกับอะไรบางอย่างที่สนุกมากๆ เพียงแต่ว่าวันนี้ยังพูดไม่ได้ และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกของไทยที่นำเสนอเป็น Edutainment ไม่ใช่เวิร์คช็อป

ใครควรมาฟัง เนื้อหาจะเป็นอย่างไร แล้วจะฟังรู้เรื่องได้จริงๆ หรือ ? โดยเฉพาะเรื่องที่ยากๆ

บอกได้เลยว่าฟังบรรยายครั้งนี้จะทำให้คนในครอบครัวเลิฟๆ ไม่ทะเลาะกัน อย่างน้อยรุ่นอากงอาม่ากับลูกหลาน เพราะบางครอบครัว มีหลายเจเนอเรชั่น อาจจะมีตั้งแต่คุณตาคุณยายที่คิดว่าเกษียณแล้วจะทำอะไรดี อาจจะอยากขายของ หรือบางครั้งก็เห็นคุณตาบางคนลุกขึ้นมาเป็นเซเลบถ่ายแบบกับหลาน ส่วนรุ่นคุณพ่อคุณแม่ที่จะเริ่มวางแผนแล้วว่าหลังเกษียณแล้วอยากจะขายของออนไลน์ หรือลูกที่อาจจะยังเรียนอยู่ก็คิดว่าจะขายอะไรบนออนไลน์ดี เรื่องเหล่านี้จะมีการพูดถึงใน SOS ด้วย

จริงๆ คนที่ไม่มีความรู้เรื่องไอทีเลย ก็อาจจะบอกว่าฟังแล้วปวดหัวมีแต่ศัพท์แปลกๆ ที่พูดให้ดูฟังยาก เข้าใจยาก เช่น AI, VR, AR, Marketing Technology, Digital Transformation, Algorithm ฯลฯ แล้วยังมีคำว่า Robot อีก เราจะตกงานกันไหมจากสิ่งเหล่านี้ ก็จะถูกพูดถึงด้วยว่าจริงๆ แล้ว คืออะไรกันแน่

เราจะสรุปให้ฟังง่ายๆ ว่ามันไม่ได้มีอะไรที่จะต้องกลัวหรือคิดว่ายาก แล้วที่บอกว่า Bot จะมาแทนมนุษย์จะมาแทนจริงหรือไม่ เราก็จะมีตัวอย่างให้ฟัง แล้วคำถามคือ Marketing Technology เกิดใหม่เป็นหมื่นๆ เทคโนโลยีเลย คำถามคือเราต้องรู้ไหม หากว่าเราแค่จะขายข้าวหมูทอดออนไลน์ เราต้องรู้อะไรเหล่านี้หรือไม่

หรือคำว่า Big Data คืออะไร บางคนอาจจะรู้สึกว่า เราเป็นแค่ SME แพ็กของ-ส่งของเป็นแม่ ค้าออนไลน์จะมารู้เรื่อง Big Data ทำไม จริงๆ แล้วเราก็จะบอกว่า Small Data is Beautiful ไม่ต้องพูดถึง Big Data หรอก Data มีประโยชน์แน่ แต่ว่าจะเอามาใช้กับเราอย่างไรให้ใกล้ตัวมากขึ้น

เราก็จะอธิบายว่า Big Data คืออะไร แล้ว Data ที่เรามีอยู่ในชีวิตประจำวันนี้คืออะไร และหากไม่ใช่ Big Data จะสำคัญหรือไม่

นอกจากนี้ เราก็จะเล่าถึงทุกๆ แพลตฟอร์มในโซเชียลมีเดียเข้าใจว่ามันมีแบบนี้ๆแล้วมันก็จะตอบคำถามที่เราคุยกันก็คือ แล้วเราต้องทำทุกช่องทางหรือไม่ แล้วเราต้องเปิดทุกแพลตฟอร์มเลย หรือฉันต้องเปิด YouTube หรือไม่ก็จะถูกตอบในสัมมนาเหมือนกัน

จริงๆ ดูมีศัพท์เฉพาะเยอะ แค่ฟังดูยากเฉยๆ แล้วดูยากขึ้นเรื่อยๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ดูยากเลย มันง่ายมากอย่างที่บอก ซึ่งการจัดงาน SOS ครั้งนี้ผลตอบรับดีมาก บัตรขายหมดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากงานนี้ถือเป็นการคืนกำไรให้ เพราะคอร์สนี้ทุกคนที่เข้าฟังจะได้แถมคอร์สออนไลน์ไปด้วย ซึ่งปกติเฉพาะคอร์สออนไลน์ที่ขายราคาราว 4,000 – 5,000 บาท เท่ากับดูสัมมนาสดก็คุ้มมากแล้ว เรียกว่าคุ้มและครบทั้งความรู้ วิธีคิดและเทคนิค เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้ต่อจริงๆ ได้เลย

ในเมื่อฟังดูก็ไม่ยากแล้วจริงๆ คนที่ทำ Digital Marketing ส่วนใหญ่ติดขัดเรื่องอะไร

หลักๆ กลุ่มแรกคือกลุ่มที่รู้สึกว่ากลัว คำว่ากลัวคือรู้สึกว่ามันยากมันน่าจะทำไม่ได้หรอก ฉันอายุมากแล้ว ฉันไม่เคยทำดิจิทัลเลย ฉันคงทำไม่ได้ ฯลฯ

กลุ่มที่ 2 ตรงกันข้ามกันคือ ติดขัดที่ง่าย ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องเรียน รู้ได้เลย ฉันก็ทำได้ ง่ายๆ หากมันเป็นกับดัก บางครั้งไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่บางครั้งมันเสียเวลา เพราะบางทีเวลาเราไม่เรียนเลยบางครั้งก็ต้องลองผิดลองถูกเอง แล้วบางครั้งเสียเงินเยอะกว่าที่จะลองผิดลองถูกแล้วเจอ ก็อาจจะเจ็บตัวไป ซึ่งจะทำให้บางคนท้อไปก่อน

ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็น กลุ่มที่คิดว่า การทำ Digital Marketing น่าจะต้องมีสูตรสำเร็จ แล้วพยายามหาสูตร เช่น ขายแบบนี้ต้องซื้อคีย์เวิร์ดนี้ทำแบบนี้ต้องได้แบบนี้ ซื้อแบบนี้ ต้องราคาเท่าไร ซื้อแบบไหนดีที่สุด คือจะพยายามหาคำตอบสำเร็จรูป ซึ่งไม่มี อันนี้เป็นกับดักที่สำคัญมากๆ ซึ่งหลายๆ คนบางครั้งเขาผ่านข้อ 1 ผ่านข้อ 2 มาแล้ว แต่จะมาติดที่ข้อนี้ คือรู้สึกว่าน่าจะต้องมีสูตร

แต่การทำ Digital Marketing เราจะต้อง Learn - Unlearn - Relearnเรียน (Learn) เสร็จต้อง Unlearn เลยต้องไม่ยึดติดแล้วต้องลอง คือต้องเอาความรู้ที่ได้มาสังเคราะห์ และประยุกต์จนได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา แล้วพอได้สิ่งที่ดีที่สุด ก็ต้องไม่หยุดแค่นี้ พอเรียนแล้ว เราต้องลืม เพื่อที่จะไปเรียนรู้กันใหม่ (Relearn)

เท่ากับสิ่งที่เขาเรียน (Learn) ถือว่าสิ่งที่เขาเรียนมานี้ ไปเริ่มที่ศูนย์อีกครั้งหนึ่งหรือเปล่า ?

ไม่ศูนย์ แต่ไปต่อยอดมากกว่า หมายความว่าเราไปลองสิ่งที่ว่าเรามีความรู้แล้ว เราจะมีกระบวนการการคิดบางอย่างที่รู้มาแล้วว่าหากทำแบบนี้จะเจอแบบนี้ ทำแบบนี้จะเจอแบบนี้ แต่ที่เราไม่สอนเป็นสูตร เพราะว่ามันง่ายที่จะสอน แต่ชีวิตจริงคุณจะทำไม่ได้ และในคลาสเราจะเจอกันแค่ไม่กี่วัน ถ้าเขาทำไปสักระยะหนึ่งแล้ว เขาจะไปต่อไม่ได้เพราะพลิกแพลงไม่เป็น นี่คือสาเหตุที่เราไม่สอนสูตร แล้วก็การที่เราบอกว่า เรา Learn แล้ว Unlearn น่ะ มันก็ไม่ได้แปลว่ากลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์ แต่เป็นการต่อยอดมากกว่า

เท่ากับทุกครั้งจะเกิดวัฏจักรอย่างนี้ไปตลอดชีวิต ของการที่ธุรกิจเลยใช่หรือไม่

จริงๆ สิ่งที่สามารถทำได้ในยุคนี้ก็คือ เป็น Lifetime Learning คือต้องไม่หยุดเรียน เราต้องเข้าใจว่าดิจิทัลเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาคนที่เข้าใจจะไม่ทุกข์ แล้วเวลาเปลี่ยน แพลตฟอร์มเปลี่ยน แล้วพอแพลตฟอร์มเปลี่ยน คนเหล่านี้จะก็ Suffer ทันที โดยกลุ่มแรกที่จะ Suffer เพราะคิดว่าเปลี่ยนอีกแล้วหรือ ทำไมเปลี่ยน ฯลฯ

ขณะที่ถ้าเราเข้าใจแต่แรกเลยว่า ดิจิทัลเป็นเรื่องของวิวัฒนาการตลอดเวลา ฉะนั้นก็จะไม่มีอะไรที่นิ่ง ดังนั้นจึงต้องพยายามอัพเดทตนเองและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ

แล้วเราจะปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างไร ไม่ให้ตกเทรนด์ ?

อย่างแรกต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Digital Marketing มีคอนเทนต์อย่างไร ใช้แบบไหนได้บ้าง เพราะการทำ Digital Marketing ไม่ใช่แค่การเอาคอนเทนต์มาแปะๆ ในสื่อต่างๆ แต่ต้องเข้า ใจธรรมชาติของแพลตฟอร์ม เข้าใจ Customer Journey และการตลาดในยุคต่อไปแบรนด์ จะมุ่งเน้นที่การสร้าง Experience ที่ดีในทุกๆ Touch Point คือจะไม่เหมือนสมัยก่อนที่มุ่งเน้นแค่ TQM ( Total Quality Management) ตอนนี้ต้องเป็น TEM (Total Experience Management)

การทำตลาดบนเฟซบุ๊กทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ?

ต้องครบ 3 ปัจจัย คือ 1.สินค้าและบริการต้องดีก่อน 2.คอนเทนต์ต้องแจ๋ว และ 3.ต้องสื่อไปได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น การทำตลาดบนเฟซบุ๊กหรือโซเชียลมีเดีย หรืออะไรก็ตาม เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ว่าด้วยเรื่องของการทำคอนเทนต์ให้ได้ใจผู้คน อย่าลืมว่า เราซื้อสื่อ ได้ แต่เราซื้อความสนใจคนไม่ได้ เรื่องนี้สำคัญมาก

การเล่นเกมบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกไลค์-แชร์มีผลอะไรหรือไม่ ?

หลังๆ นี้ เฟซบุ๊ก ไม่ค่อยสนับสนุนให้เราทำ เพราะเขาถือว่ามันเป็น Engagement Bait คือการเรียก Like เรียก Share เพราะฉะนั้นเวลาที่จะเล่นเกมพวกนี้ การสร้าง Engagement ดีเสมอ แต่ต้องเป็น Engagement ที่จริง คำว่าจริงนั่นก็คือสมมติเราบอกว่า ใครเห็นโพสต์นี้แล้วเป็นผู้หญิงกด 1 หรือเป็นผู้ชายกด 2 แล้วอยู่ๆ ก็มีคนมาคอมเมนต์ 1 2 1 2 เต็มไปหมด อันนี้คือไม่จริง เพราะเท่ากับกำหนดคำตอบไว้ล่วงหน้า

หรือบอกว่าใครชอบรูปสีส้ม กด Love ใครชอบรูปสีแดง กด Like อันนี้ก็เป็นการเอา Reaction มาใช้ ในทางที่ไม่ถูกต้อง เป็น Engagement Bait เพราะมันล่อด้วยคำถาม เช่น แท็กอันนี้กับเพื่อนไปแล้วใครแท็กได้ 5 คนจะได้รับรางวัล อันนี้ก็เป็นการล่อเหมือนกัน พวกนี้มันไม่จริง แพลตฟอร์มจะไม่สนับสนุนให้เราทำ

ถ้าจะทำจริงๆ การให้คน มา Like Comment Share นั้นดีเสมอ แต่ต้องเกิดจากคอนเทนท์เราจริงๆ ทำให้เกิดความ รู้สึกว่าอยากคุย เช่น เราตั้งคำถามบางอย่าง แล้วคนรู้สึกว่าอยากจะตอบ บางครั้งคนมาตอบก็ไม่ได้อยากได้ของรางวัล/เงินเสมอไป แต่เพราะตลก/สนุก เขาก็อยากเล่น ฉะนั้น ต้องพยายามทำให้เกิดกิจกรรมแบบนี้เยอะๆ มากกว่า

สำหรับใครที่อยากเข้าใจการทำการตลาดบน Digital Platform ต่างๆ ได้ดีขึ้น เข้าใจ Insight และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในยุค Digital มากยิ่งขึ้น ต้องไม่พลาด! Digital Tips Academy เตรียมจัดงานสัมมนา Digital Marketing รูปแบบ Edutainment “SOS” (Seminar on Stage) ตอน Digital Marketing Insight Out โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย 

อัดแน่นเต็มอิ่ม 3 ชั่วโมงครึ่ง เรื่องการทำตลาดในยุค 5.0 พร้อมแถมฟรี! คอร์สออนไลน์มูลค่า 3,900 บาท จัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2019 เวลา 12.30-16.30 น. ณ โรงละคร เคแบงก์ สยามพิฆเนศ (สยามสแควร์วัน ชั้น 7)

สนใจสำรองบัตรได้ที่ https://www.eventpop.me/e/5872-seminaronstage-sos

Facebook: thedigitaltips หรือไลน์ :@digitaltips