สังคมการทำงานของประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นวัฒนธรรมกาทำงานที่หนักหนา ต้องทำงานกันอย่างทุ่มเทจริงจังมากๆ และจากสถิติเดิมนั้นการที่ผู้หญิงจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงนั้นไม่ง่ายเลย และยากยิ่งกว่าในการที่จะมีคนไทยที่สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของระดับผู้บริหาร หรือ CEO คือเรื่องที่ต้องใช้มากกว่าความรู้ความสามารถ แต่รวมไปถึงความสามารถในการจัดการ การเข้าใจทั้งผู้ร่วมทีมและลูกค้า ตลอดจนตัวเลขสถิติการตลาดอย่างแม่นยำ
ผศ.ชญณา ศิริภิรมย์ ก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ“ซมโปะ ประเทศไทย” ในวัย 40 เศษๆ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ด้วยความรู้และประสบการณ์ทางด้านประกันภัยทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดีมากว่า 20 ปี ทั้งยัง มีความเชี่ยวชาญในด้านการคณิตศาสตร์ประกันภัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย การพัฒนาช่องทางการขายและด้านการเงิน ซึ่งจะนำมาช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต เสริมศักยภาพและส่งเสริมความก้าวหน้าในการบริหารงาน
ล่าสุด CEO หญิงแกร่งได้ประกาศเป้าหมายของ "ซมโปะประกันภัย" ในปี2562นี้ว่าในกลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัทฯจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยส่งเสริมความปลอดภัยให้กับผู้ประกอบการไทย ทั้ง SME และขนาดใหญ่ ที่การค้าในประเทศ หรือกับประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ด้วยราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ ส่วนในกลุ่มลูกค้ารายย่อยหรือรายบุคคล
เน้นตลาดท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่..
บริษัทซมโปะมีเป้าหมายทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในตลาดค้าปลีกในประเทศไทยด้วยโปรแกรมประกันการเดินทาง SOMPO Travel Joy GO JAPAN ที่เข้าใจง่าย (user friendly) ชื้อสะดวก ซึ่งมีบริการพิเศษตั้งแต่นักแปลภาษาทางการแพทย์ ไปจนถึงการให้บริการผู้ป่วยนอกแบบไม่ต้องสำรองเงินล่วงหน้า
“เดิมเวลาไปต่างประเทศเมื่อมีปัญหาผู้ซื้อประกันต้องสำรองจ่ายไปก่อน และกลับมาเบิกเมื่อถึงประเทศไทยแล้ว แต่ซมโปะจะจัดการเรื่องเงินให้เลย ลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน และยังเพิ่มความคุ้มครองให้อีก 24 ชม. หลังจากที่ถึงประเทศไทยแล้ว กรณีที่ไปประสบปัญหาแล้วยังมีการรักษาต่อเนื่องหรือกรณีทีลูกค้าไม่ได้ไปหาหมอที่ญี่ปุ่นรอกลับเมืองไทยก่อน ค่อยไปหาเรายังคุ้มครองเพิ่มให้อีก 1 วัน หรือกรณีที่ไปประสบเหตุที่ญี่ปุ่น ต้องไปแจ้งความ ต้องไปหาหมอ ทางเราจะมีล่ามภาษาญี่ปุ่นไปดูแลท่านที่จุดเกิดเหตุได้เลย หมดกังวลเรื่องความยุ่งยากว่าจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ” เธอเล่าอย่างใจดี
ตั้งเป้าโตปีละ10-15%..
ครึ่งปีหลังนี้มีนโยบายที่จะขยายตลาดในส่วนของลูกค้ารายย่อยจากการท่องเที่ยวมากขึ้นปีที่แล้วคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นปีละกว่า 1.13 ล้านคน ซมโปะขอแชร์ตลาดตรงนี่อีก 10-15% ในครึ่งปีหลัง คนไทยจะไปเทียวญี่ปุ่นปีละ 2 ช่วงคือช่วงสงกรานต์และช่วงสิ้นปี ทางซมโปะจะบุกตลาดนี้ในช่วงปีหลังให้มากขึ้น โดยเน้นๆยยังกลุ่มคนทำงาน และคนรุ่นใหม่ที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตัวเองและปีหน้าประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิค เชื่อว่าปลายปีนี้จนถึงปีหน้า จะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกเยอะ อาจจะมากถึง 1.5 ล้านคน ซมโปะก็ขอเติบโตไปพร้อมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
พัฒนาทั้งระบบ และบุคลากร..
รวมทั้งมุ่งเน้นในเองของ Digital Disruption (ธุรกิจหรือเทคโนโลยีเก่าที่ถูกธุรกิจใหม่หรือนวัตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นเข้ามาเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ) ผ่านการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมและตรงกลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิทัล และมอบประสบการณ์การซื้อประกันทางออนไลน์ที่ดียิ่งขึ้น ตามความมุ่งมั่นขององค์กร ที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าผ่านความตั้งใจที่จะพัฒนาทรัพยากรบุคคล สรรหาบุคลากรที่มีความถนัดสนุกกับการค้นคว้า วิเคราะห์ข้อมูล เป็นการ Disrupt ตัวเองก่อน โดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้องค์กร ทั้งนี้เพื่อให้พร้อมกับการให้บริการด้วยหัวใจ Omotenashi ที่มาพร้อมกับมาตรฐานระดับสูงขององค์กร
บริหารงานแบบอิคิไก…
ทางด้านแนวคิดในการบริหารงานนั้น ผศ.ชญณา บอกว่า เธอเน้นหลักการทำงานแบบปรัชญาชีวิตของชาวญี่ปุ่น ที่มีความเก่งแต่ก็อ่อนน้อมอ่อนโยน หรือที่เรียกกันว่า อิคิไก หรือหลักปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย และมีความสุข มีความพอใจอย่างเรียบง่ายกับสิ่งที่ทำ
สรุปตามหลักปรัชญาอิคิไก ก็คือต้องมีองค์ประกอบครบดังนี้ สิ่งที่รัก+สิ่งที่ใส่ใจ+สิ่งที่โลกต้องการ+สิ่งที่สร้างรายได้ “ถ้าเรามองอิคิไก เป็นโจทย์หรือเป้าหมายในการทำงาน ก็อาจตีความได้ว่ามันคือการได้ทำงานที่เรารักและถนัด โดยได้ใช้ความรู้ความสามารถในสิ่งที่เป็นที่ต้องการในธุรกิจ และให้การทำงานในทุกวันมีความหมายในระยะยาวทั้งต่อตัวเองและมีประโยชน์กับสังคมและส่งเสริมให้ทีมมีอิคิไกในการทำงานด้วยเช่นกัน”
small but beauty…
เคล็ดลับในการขึ้นมาสู่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างชาตินั้น CEO สาวบอกว่าคือการทำงานอย่างมุ่งมั่น และรู้จักบริหารเวลาให้มีความสมดุล ใช้ชีวิตให้ small but beauty เรื่องงานเรื่องชีวิตต้องบาลานซ์ไม่เทไปทางใดทางหนึ่งมากจนเสียสมดุล ที่สำคัญก็คือการให้ความสำคัญกับทีม ไม่มีใครเก่งคนเดียวต้องมีทีมเวิร์คมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกันเพื่อองค์กรเติบโต และในฐานะผู้บริหารต้องส่งเสริมให้ลูกน้องเติบโตในสายงาน
รวมทั้งมีวิสัยทัศน์ในการทำงานมีเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว รับฟังทุกเสียง เปิดรับข้อมูลในหลายมิติ และนำมาวิเคราะห์หาความจริงทำความเข้าใจ มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ตรงไปตรงมา ยึดความแฟร์กับทุกฝ่ายตามบทบาทหน้าที่ ดูแลพนักงานเหมือนกับการเลี้ยงลูกที่จะคอยเตือนให้มีสติ
“ความเป็นผู้หญิงมีข้อดีเรามีความเป็นแม่อยู่ในตัว ความเป็นแม่จะทำให้มีเมตตาและมีสติยิ่งขึ้น คิดว่าลูกน้องคือคนในครอบครัว ถ้าเขาเป็นลูกเราจะดูแลเขาแบบไหน ความมีสติ ถ้ามีสติเราจะไม่มีปัญหา หรือถ้ามีปัญหาก็สามารถผ่านไป แม้ว่าแก้ปัญหาไม่ได้ การมีสติจะแยกแยะได้ และทำให้ดีที่สุดแล้วต้องรู้จักปล่อยวาง ตั้งเป้าหมายใหญ่เสมอ และเริ่มลงมือทำทันที ไม่รีบและไม่รอ เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนได้เร็ว”