‘ฟูจิตสึ’ เปิดวิสัยทัศน์ รับกระแสดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชั่น
08 Feb 2017

         นับตั้งแต่ที่ ‘ฟูจิตสึ’ ได้เปิดตัววิสัยทัศน์ด้านการบริการและเทคโนโลยีในปี 2014 โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ‘นวัตกรรมเพื่อมนุษยชาติ’ (Human Centric Innovation) ซึ่งเป็นก้าวย่างในการส่งมอบนวัตกรรมให้แก่ลูกค้าทั่วโลก มาจนถึงปัจจุบันที่ฟูจิตสึได้ปรับแนวทางมาสู่ ‘นวัตกรรมเพื่อมนุษยชาติ : การเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล’ (Human Centric Innovation - Driving Digital Transformation) ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจและสังคม


         โยชิคูนิ ทาคาชิเกะ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ทางด้านการตลาด บริษัท ฟูจิตสึ ลิมิเต็ด จำกัด กล่าวว่า “สำหรับวิสัยทัศน์ของบริษัทในปีนี้ ‘Human Centric Innovation’ เราให้ความสำคัญในเรื่องของคนเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้าไปเสริมศักยภาพหรือความสามารถที่คนมีอยู่เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีหัวข้อสำคัญ 3 เรื่องหลักคือ การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิตอล (Digital Transformation), อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ (A New Industrial Revolution)”


         ทาคาชิเกะอธิบายเสริมต่อว่า ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านทางด้านเทคโนโลยีที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถยกระดับการทำงานให้ดีขึ้น ยกระดับการแข่งขัน รวมถึงช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันลูกค้าของฟูจิตสึก็เริ่มหันมาใช้ระบบดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชั่นแล้วเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจรีเทลที่ได้ร่วมมือกับฟูจิตสึสร้างโซลูชั่นเพื่อวิเคราะห์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างโปรโมชั่นได้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ รวมไปถึงการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงงานผลิตสินค้า ที่จะมีการเชื่อมโยงระบบ IoT (Internet of Things‎) เข้าไปในทุกกระบวนการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตได้ถึง 30%
 

         “ปัจจุบันโลกดิจิตอลกำลังเดินทางจากคลื่นลูกที่ 1 อินเตอร์เน็ต และคลื่นลูกที่ 2 โมบายอินเตอร์เน็ต มาสู่คลื่นลูกที่ 3 Internet of Things ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2020 จะมีดีไวซ์กว่า 5 หมื่นล้านชิ้นเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต แต่ในอนาคตจะมีคลื่นที่ใหญ่กว่านั้นเป็นคลื่นลูกที่ 4 ก็คือ AI และ Robotics โดยทั้งคลื่นที่ 3 และ 4 จะส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ก็ว่าได้” ทาคาชิเกะอธิบาย


         หนึ่งในนวัตกรรมเพื่อมนุษยชาติที่ฟูจิตสึได้พัฒนาขึ้นและถูกนำไปใช้จริงแล้วในปัจจุบันอย่าง ‘Fujitsu PalmSecure’ โซลูชั่นการพิสูจน์ตัวตนแบบองค์รวม ที่บริษัท Sberbank ในประเทศรัสเซีย ได้นำไปใช้เพื่อบริหารจัดการระบบการซื้ออาหารกลางวันภายในโรงเรียน เพื่อช่วยแก้ปัญหาการใช้เงินสดที่เด็กๆ มักจะทำหายหรือถูกขโมยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจับภาพรูปแบบเส้นเลือดบนฝ่ามือของนักเรียนแต่ละคน และเก็บไว้ในฐานข้อมูลของโรงเรียน ซึ่งวิธีนี้ยังช่วยลดความซ้ำซ้อนในการต่อคิวซื้ออาหารและชำระเงิน อีกทั้งยังมีการแจ้งเตือนไปให้ผู้ปกครองทราบด้วยว่าเด็กๆ ซื้ออะไรทานที่โรงเรียนบ้างแบบอัตโนมัติ ซึ่งโซลูชั่นเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของโลกอนาคตที่ไม่ได้ไกลตัวอีกต่อไป

 


         “ในปี 2015 ฟูจิตสึได้มีความร่วมมือกับลูกค้ากว่าหลายร้อยรายทั่วโลกในการทำเรื่อง IoT รวมไปถึงในประเทศไทยฟูจิตสึก็ได้แนะนำเทคโนโลยี IoT ให้กับหลายอุตสาหกรรม แต่ก็ยังมีอีกหลายองค์กรที่ยังไม่สามารถเริ่มต้นได้ เนื่องจากไม่เข้าใจหลักการและไม่มีความรู้ในเรื่องนี้”


         อย่างไรก็ตาม แนวทางธุรกิจของฟูจิตสึต่อจากนี้ยังคงยึดยุทธศาสตร์ One Asia ซึ่งจะทำตลาดโดยมองเอเชียเป็นหนึ่งเดียว เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ โดยความร่วมมือจากสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น และสำนักงานอื่นๆ ในเอเชีย


         โดยล่าสุด ฟูจิตสึได้เปิดตัวศูนย์ Fujitsu Digital Transformation Center (DTC) ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อการทดสอบระบบ IoT ที่ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ IoT และบริการอื่นๆ จากฟูจิตสึและองค์กรพันธมิตร ซึ่งลูกค้าและผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นสามารถเข้ามาทดสอบระบบได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และจะได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของฟูจิตสึ พร้อมกันนี้ฟูจิตสึยังได้เปิดให้บริการ FUJITSU IoT Solution IoT Business Support Services เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่กำลังมองหา IoT ไปใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้บริการตั้งแต่กระบวนการวางแผน ทดสอบต้นแบบ การออกแบบ สร้าง และดำเนินงานระบบ IoT ที่รองรับเวนเดอร์หลากหลาย โดยในปัจจุบันศูนย์ DTC ได้เปิดให้บริการแล้ว 7 แห่งทั่วโลก ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อังกฤษ เยอรมนี สเปน สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย


         “จากยุทธศาสตร์ดังกล่าวเราได้ตั้งเป้าว่า ภายในปี 2020 ฟูจิตสึจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50% จากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิตอลในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นภูมิภาคสำคัญของเศรษฐกิจโลกในอนาคต โดยประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ฟูจิตสึให้ความสำคัญ” ทาคาชิเกะกล่าว

[อ่าน 1,283]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved