สุหฤท สยามวาลา ต่อยอด Passion สู่ ‘UGO Bike’
22 May 2017

 

           ถ้าเอ่ยถึงผู้บริหารที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่สุดแห่งยุค ผู้ที่มีทั้งคาแรกเตอร์ของผู้บริหารมาดเนี๊ยบและความเป็นอินดี้ตัวพ่ออยู่ในคนเดียวกัน คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก สุหฤท สยามวาลา ผู้บริหารรุ่นที่ 4 ของตระกูล ‘สยามวาลา’ เจ้าของบริษัท ดี เอช เอ สยามวาลา ที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนที่เป็นที่รู้จักมากมาย อาทิ แฟ้มตราช้าง อุปกรณ์ศิลปะมาสเตอร์อาร์ต และปากกาควอนตั้ม


           แม้ว่า ‘ดี เอช เอ สยามวาลา’ จะเป็นองค์กรเก่าแก่ที่ครองความเป็นเจ้าตลาดเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานมาอย่างยาวนาน แต่หลังจากที่สุหฤทได้เขามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เราก็ได้เห็นการปรับตัวที่สอดรับกับยุคสมัย มีการปรับแบรนด์ให้สดใสมากขึ้น มีความวัยรุ่นมากขึ้น รวมไปถึงไอเดียด้านการตลาดสุดสร้างสรรค์ที่แหวกแนวจากผู้เล่นรายอื่น

 

           แต่สุหฤทไม่ได้หยุดนิ่งเพียงแค่นี้ แต่เขายังได้หันมารุกในธุรกิจออนไลน์เพื่อต่อยอดรายได้จากสินค้ากลุ่มใหม่ๆ ด้วยแนวคิดแห่ง ‘ความสุข’ เพื่อตอบรับชีวิตที่สองของทุกคน


           “จริงๆ ธุรกิจหลักของเราคือธุรกิจเครื่องเขียน แต่เมื่อประมาณต้นปีที่แล้วเราได้เปิดตัวธุรกิจออนไลน์บนเว็บไซต์ funsecondlife.com โดยคอนเซปต์คือการเข้าไปดูแลชีวิตที่สองของคน เพราะแต่ละคนนอกจากชีวิตการทำงานแล้วก็ยังมีชีวิตที่สองเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองรักด้วย เช่น สะสมโมเดล เลี้ยงสัตว์ ขี่มอเตอร์ไซค์ ปั่นจักรยาน เล่นกีฬา ตกแต่งบ้าน หรือทำอาหาร ซึ่งเราพยายามทำให้ funsecondlife กลายเป็นศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ในโลกออนไลน์ แต่พอเราทำไปสักพักก็รู้สึกว่าถ้าลูกค้าได้จับสินค้าตัวจริงด้วยก็น่าจะดีกว่า ก็เลยตัดสินใจทำร้านค้ารีเทลด้วย โดยเริ่มต้นด้วยการเปิด ‘UGO Bike Boutique’ (อูโก้ ไบค์บูทีค) ศูนย์รวมจักรยานและอุปกรณ์จักรยานแบบครบวงจร ซึ่งเปิดสาขาแรกแล้วที่ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา เพื่อให้ลูกค้าได้มาดูสินค้าตัวจริง เพราะจักรยานเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องการทดลองปั่นก่อนการตัดสินใจซื้ออยู่แล้ว” สุหฤทอธิบายต่อไปว่า

 


           “สำหรับที่ UGO Bike Boutique เราเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ที่เริ่มปั่นจักรยานหรือผู้ที่กำลังมองหาจักรยานคันแรก (First Biker) ไปจนถึงนักปั่นจักรยานมืออาชีพ ผมอยากให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนสามารถเข้ามาเลือกจักรยานที่ตัวเองชอบได้ และมีจักรยานครบทุกแบบให้เลือก ซึ่งทุกแบบเราก็จะมีการให้คำแนะนำให้ความรู้ก่อนซื้อ เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ‘UGO Bike specialist’ คอยให้คำปรึกษาและช่วยวิเคราะห์เพื่อหาจักรยานที่ต้องความต้องการของลูกค้า เนื่องจากการตัดสินใจเลือกซื้อจักรยานของแต่ละคนมักจะอยู่ที่ความชอบส่วนตัว และความถนัดในการขี่ ซึ่งเรามีการทำ Bike Fitting ให้ด้วย เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถปั่นจักรยานได้ทุกแบบ นอกจากนี้เรายังมีโซนให้ลูกค้าสามารถตกแต่งจักรยานให้เป็นแบบที่ตัวเองชอบด้วย”

 


           ปัจจุบัน UGO Bike Boutique มีจักรยานแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ได้แก่ จักรยานทรงตัวสำหรับเด็ก (Balance bike) จักรยานแบบพับ (Folding Bicycles) จักรยานสำหรับปั่นในเมือง (City Bicyclesและ Urban Bicycles) จักรยานสำหรับปั่นท่องเที่ยว (Touring Bicycles) จักรยานเสือภูเขา (Mountain Bicycles) จักรยานเสือหมอบ (Road Bicycles) และจักรยานมินิ (Mini Velo) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ด้านการปั่นจักรยานให้บริการมากมาย อาทิ อานจักรยาน กระเป๋า หมวก ขวดน้ำ เสื้อ ฯลฯ โดยสินค้าส่วนใหญ่ถูกนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อังกฤษ และอิตาลี

 


           “หลังจากที่เราเปิดตัว UGO Bike Boutique ยอดขายเราก็เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะเรามีการทำกิจกรรมทางการตลาดทั้งบนเว็บไซต์และบนเฟซบุ๊กเป็นหลัก แล้วถึงการให้ความรู้ในเรื่องของการเลือกซื้อและการปั่นจักรยาน อย่างไรก็ตามเราก็จะมีการพัฒนาและปรับรูปแบบร้านอย่างต่อเนื่อง สินค้าตัวไหนที่ลูกค้าสอบถามเข้ามา เราก็จะหาเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ รวมถึงในอนาคตเราจะทำรูปแบบของร้านเป็นลักษณะของทัวร์ ที่ให้ลูกค้าเดินไปในจุดต่างๆ โดยจะมีทั้งจุดให้ความรู้ จุดเลือกจักรยาน จุดทดลอง การทำ Bike Fitting และจุดปรับแต่งจักรยาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อจักรยานให้ตรงความต้องการมากที่สุด” สุหฤทกล่าวต่อว่า


           “ขณะเดียวกัน ทำเลที่ตั้งร้านซึ่งอยู่ในย่านศรีนครินทร์-พัฒนาการก็เป็นจุดที่สามารถเดินทางมาได้ง่าย และไม่มีคู่แข่งมากนัก ส่วนในเรื่องการเปิดสาขาต่อไปนั้นคงต้องรอให้โมเดลของสาขาแรกนิ่งก่อน เพราะตอนนี้เราก็ยังมีการปรับโมเดลของร้านอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญคือเราต้องคิดตามลูกค้าว่าเขาเข้ามาแล้วต้องการอะไร อยากเห็นอะไร ซึ่งเราก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไป เราพยายามเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของอุปกรณ์จักรยานที่เราคิดว่าต้องมีมากกว่านี้ ให้ลูกค้าที่เข้ามาถึงไม่ได้ซื้อจักรยาน อย่างน้อยก็ยังมีอุปกรณ์จักรยานติดมือกลับไปก็ยังดี รวมไปถึงโซนการซ่อมบำรุงจักรยานที่เราจะให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งในอนาคตเราก็มีความตั้งใจที่อยากจะทำแบรนด์จักรยานของตัวเองด้วย”

 


           หลายคนอาจจะจำได้ เมื่อครั้งที่สุหฤทลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี 2556 เขาได้ชูนโยบายเพื่อสนับสนุนให้คนกรุงใช้จักรยานเป็นพาหนะหลักในการเดินมากขึ้น ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลในการปั่นจักรยานอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


           “ตอนที่ผมกำลังหาเสียงอยู่มีรุ่นน้องของผมคนหนึ่งมาถามผมว่า พี่โต้กล้าปั่นจักรยานไปทำงานหรือเปล่าถ้าชนะการเลิกตั้ง เราก็คิดว่าทำไมจะไม่ล่ะ ก็โอเคสิ พอแพ้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นผู้ว่า ผมก็มาคิดว่าทำไมเราถึงไม่ทำล่ะ จักรยานมันก็ปั่นไปทำงานได้นี่หว่า พอคิดได้ก็ไปสร้างห้องอาบน้ำไว้ที่ออฟฟิศ แล้วทำตามคำพูดที่เคยบอกไว้ ก็เริ่มปั่นจักรยานไปทำงาน วันแรกที่ปั่นออกไปบนถนนบอกเลยว่าโคตรกลัว (หัวเราะ) แต่พอเราทลายความกลัวนั้นได้ก็เริ่มสนุกแล้ว ผมรู้สึกว่าการปั่นจักรยานเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข จากวันนั้นมาผมก็ปั่นอาทิตย์ละ 3-4 วันมาได้ 3 ปีแล้ว ซึ่งจริงๆ UGO Bike Boutique ก็ถือเป็น Passion เป็นความชอบส่วนตัวของผมเหมือนกัน ดังนั้นจักรยานทุกคันที่อยู่ในร้านผมก็จะคัดเลือกมาแล้วว่าสวยและดีแน่ๆ ซึ่งตอนนี้เรามีให้เลือกราว 6-7 แบรนด์ อาทิ TRKE, DOPPELGANGER, CHEVROLET รวมถึงจักรยานรุ่นนิยมอย่าง TokyoBike โดยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ที่ 6,000-50,000 บาท ซึ่งรุ่นที่ขายดีจะอยู่ในช่วงราคา 10,000-20,000 บาท” สุหฤทกล่าว

 


           ขณะที่เทรนด์ด้านการดูแลสุขภาพและออกกำลังกายกำลังกลายเป็นกระแสหลักที่ใครๆ ก็พูดถึง การปั่นจักรยานก็ถือเป็นกิจกรรมอันดับต้นๆ ที่คนไทยให้ความนิยม จนส่งผลให้ตลาดรวมจักรยานในปี 2559 มีตัวเลขสูงถึง 7,000 ล้านบาท และมีงานปั่นจักรยานเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 100 งานต่อปี


           “แม้ว่าปัจจุบันตลาดจักรยานจะมีอัตราการเติบโตน้อยลงกว่าหลายปีก่อนเยอะ จากเดิมที่โตปีละ 20-30% ก็ลดลงมาเหลือราวปีละ 5-10% เท่านั้น แต่ผมเชื่อว่าคนไทยชอบปั่นจักรยาน และคนอีกเยอะมากก็ยังไม่มีจักรยาน ซึ่งผู้ซื้อส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่ซื้อจักรยานตามความชอบ ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ปั่นเพื่อความสุขและออกกำลังกายไปพร้อมกัน ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่เลือกซื้อจักรยานคันแรกที่ราคาประหยัดมากๆ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ปั่นได้ไม่นานก็เลิกปั่น เพราะแต่ละคนจะมีจักรยานที่ตัวเองถนัดไม่เหมือนกัน บางคนปั่นเสือหมอบไม่ได้ บางคนขี่ได้แต่เสือภูเขา ถ้าเลือกแค่เรื่องราคาคนปั่นจะปั่นไม่สนุก แต่อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันก็ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคพอสมควร” สุหฤทอธิบายต่อว่า


           “อย่างไรก็ตาม เราตั้งเป้าว่าภายใน 1-2 ปีต่อจากนี้ ร้าน UGO Bike Boutique จะต้องมีสาขาเพิ่มอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 100 ตร.ม. และจะเน้นไปที่พื้นที่ในต่างจังหวัด เนื่องจากตลาดจักรยานในต่างจังหวัดยังมีการเติบโตที่สูงมาก เพราะคนต่างจังหวัดที่พื้นที่ปั่นมากกว่าในกรุงเทพฯ แต่เราจะไม่ไปในจังหวัดที่มีการแข่งขันสูงหรือมีเจ้าถิ่นอยู่แล้ว”

 


           สำหรับเป้าหมายด้านรายได้ สุหฤทกล่าวว่า “สำหรับในปีนี้เราว่าน่าจะสามารถทำรายได้ถึง 10 ล้านบาท เพราะในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา บางเดือนก็ยอดขายดีมาก ขณะที่บางเดือนก็เงียบมาก ผมมองว่าช่วงฤดูฝนจะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะสามารถทำตามเป้าที่วางไว้ได้หรือไม่ เพราะคนไม่ค่อยชอบปั่นจักรยานหน้าฝน ขณะที่ปีหน้านี้หากโมเดลธุรกิจลงตัว ก็คาดว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่ราว 2 สาขา และมีรายได้ราว 20-30 ล้านบาทต่อสาขา”


           “ผมบอกเลยว่าคนที่อยากเริ่มต้นปั่นจักรยานอย่ามีข้ออ้างเยอะ อยากปั่นก็ไปหาที่ปั่น ถนนไหนมีเลนจักรยานก็ไปปั่นในนั้น ถ้าไม่มีก็ปั่นในเลนปกติ ถ้าคุณรอให้ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้าคุณกลัวที่จะออกถนนใหญ่ในกรุงเทพฯ เสาร์อาทิตย์ก็ออกไปต่างจังหวัดแล้วก็หิ้วจักรยานไปด้วย สนุกด้วย ได้ออกกำลังกายด้วย” สุหฤทกล่าวทิ้งท้า

[อ่าน 1,813]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved